เตือนภัย! สารพัดโรคอันตราย พนักงานออฟฟิศเสี่ยง "ออฟฟิศซินโดรม"
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/2/12209/office-syndrome-2.jpgเตือนภัย! สารพัดโรคอันตราย พนักงานออฟฟิศเสี่ยง "ออฟฟิศซินโดรม"

    เตือนภัย! สารพัดโรคอันตราย พนักงานออฟฟิศเสี่ยง "ออฟฟิศซินโดรม"

    2018-08-03T19:00:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

    นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า “กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม” (Office syndrome) คืออาการที่มักเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวัน ไม่มีการออกกำลังกายเป็นประจำ และมีสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่ไม่เหมาะสมการระบายอากาศไม่ดี  ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ขึ้น

     

    อาการของ ออฟฟิศซินโดรม

    • กล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ

    • ปวดหลังเรื้อรังจากการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา

    • กระบังลมขยายได้ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำให้ง่วงนอน

    • หากมีความเครียดจะส่งผลให้โรคนี้รุนแรงมากขึ้น เช่น เป็นไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดตา หน้ามืด

    • อาการอาจรุนแรงจนถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้

    • กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ เนื่องจากการทำงานอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เครื่องปรับอากาศไม่สะอาด รวมไปถึงสารเคมีจากหมึกของเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และเครื่องพิมพ์เอกสาร ซึ่งวนเวียนอยู่ภายในห้องทำงานอีกด้วย

     

    >> ปวดแบบไหน สัญญาณอันตราย “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”

    >> "หมอนรองกระดูกคอเสื่อม" โรคฮิตของคนทำงาน

    >> 5 พฤติกรรมเสี่ยง “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”

     

    วิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรม

    นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวถึงการรักษากลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ว่าทำได้เพียงปรับเปลี่ยนอิริยาบถ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นอาจต้องให้ยาบรรเทาอาการหรือต้องได้รับการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้จัดตั้งคลินิกอาชีวเวชศาสตร์เพื่อให้การรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคจากการทำงาน ซึ่งประชาชนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการออฟฟิศซินโดรม สามารถปรึกษาได้ที่คลินิกฯ หรือสอบถามได้ที่สายด่วน  02 517 4333 ในวันและเวลาราชการ

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

    ภาพ :iStock