ประโยชน์ของโอเมก้า 3 กับแหล่งอาหารที่หาทานง่ายจากธรรมชาติ
โอเมก้า 3 นับเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ร่างกายของคนเราจะขาดไม่ได้ และเป็นไขมันชนิดที่ร่างกายก็ไม่สามารถสร้างเองได้อีกด้วย จึงจำเป็นจะต้องได้รับจากภายนอก ซึ่งก็มาจากการกินอาหารนั่นเอง ทั้งนี้หลายคนยังไม่ทราบว่าโอเมก้า 3 ดีต่อร่างกายอย่างไร และจะหาทานได้จากอาหารในกลุ่มใดได้บ้าง บทความนี้มีคำตอบ
โอเมก้า 3 ดีต่อสุขภาพอย่างไร
นักวิจัยได้ทำการศึกษาถึงคุณประโยชน์ของโอเมก้า 3 ซึ่งก็พบว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
1. ทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง
กรดไขมันนี้จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงไม่ให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ เนื่องจากโอเมก้า 3 ชนิดอีพีเอและดีเอชเอจะช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ ทำให้หลอดเลือดหัวใจทำงานได้ดีขึ้น
2. เสริมสร้างพัฒนาการของทารก
สตรีมีครรภ์ควรต้องรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 โดยเริ่มตั้งแต่ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ 220-280 กรัมต่อสัปดาห์ เนื่องจากผลวิจัยพบว่า โอเมก้า 3 มีส่วนช่วยในการเพิ่มน้ำหนักตัวของทารก ทารกจะแข็งแรงและอยู่ในครรภ์มารดาได้นานขึ้น พร้อมทั้งมีพัฒนาการที่สมวัย
3. ป้องกันโรคต่างๆ
เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อม โรคจอประสาทตาเสื่อม รวมทั้งเสริมสร้างการเรียนรู้ โอเมก้า 3 มีส่วนช่วยป้องกันโรคดังกล่าวให้เสี่ยงกับการเป็นให้น้อยลง แต่ไม่ได้ช่วยชะลอการป่วยหรือภาวะตาบอดจากการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
4. ทำให้ผมและผิวหนังมีสุขภาพดี
ผิวพรรณจะสดใส หยาบกร้าน ลอกเป็นเกล็ดหรือเป็นผื่นแดงบวมเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
แหล่งอาหารที่มีโอเมก้า 3
โดยปกติ โอเมก้า 3 พบมากในแหล่งอาหารที่มาจากธรรมชาติ ดังนี้
1. อาหารทะเล พบมากอยู่ในปลาและหอย ที่ยังคงเป็นแหล่งรวมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกายอีกด้วย อาทิเช่น ปลาแซมอน ปลาแมคคลอเรล ปลาทูน่า และซาร์ดีน และปลาที่มีเนื้อสีขาวปลาเหล่านี้มีโอเมก้า 3 ทั้งนี้ไม่รวมปลาที่นำมาแปรรูปเป็นปลากระป๋องเพราะในระหว่างการแปรรูปได้มีการสกัดโอเมก้าออกไปแล้วนั่นเอง
2. น้ำมันพืช เช่น น้ำมันที่สกัดมาจากถั่วเหลือง น้ำมันคาโนล่า ที่ส่วนใหญ่นำมาช่วยประกอบอาหาร
3. ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น โยเกิร์ต นม นมถั่วเหลือง ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ที่ไม่นิยมกินเนื้อสัตว์สามารกินอาหารเหล่านี้แทนได้
4. ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดเจีย แฟลกซ์ วอลนัทหรือเมล็ดฟักทอง เหล่านี้พบมากมายเพียงแค่นำมาโรยบนอาหารก็ได้รับโอเมก้าอย่างเพียงพอแล้ว
หากหาปลาทะเลมากินไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะยังมีปลาน้ำจืดที่เป็นปลาเนื้อขาวก็มีโอเมก้า 3 มากเช่นกัน เช่นปลาสวาย ปลาช่อน ปลาดุก ปลานิล หรือในผักที่มีสีเขียวเข้ม ควรหามากินเป็นประจำ เท่านี้ร่างกายก็ได้รับโอเมก้า 3 ได้เพียงพอแล้ว