แคมเปญเด็ดภาครัฐพลาดไม่ได้ 2018

แคมเปญเด็ดภาครัฐพลาดไม่ได้ 2018

แคมเปญเด็ดภาครัฐพลาดไม่ได้ 2018
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปีนี้เป็นอีกปีที่รัฐมีนโยบายมากมายที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

และนี่คือ สุดยอดแคมเปญเด็ดภาครัฐพลาดไม่ได้ 2018 ที่ Sanook! Money เอามาฝากกัน

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ถ้าจะบอกว่านโยบายนี้เป็น "เรือธง" หรือจุดขายหลักของนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลลุงตู่ก็คงจะไม่ผิดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายปีมีการแจกของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ถือบัตรซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการแจกเพิ่มเติมให้กับกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนรอบปกติที่ผ่านคุณสมบัติอีกกว่า 3 ล้านราย ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงินคนละ 500 บาทให้สามารถถอนเงินจากบัตรผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ช่วยจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ ช่วยจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 400 บาทให้แก่ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ช่วยจ่ายเงินค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลคนละ 1,000 บาทให้กับผู้สูงอายุ ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งได้รับเป็นของขวัญปีใหม่ในช่วงส่งท้ายปี 2561

แน่นอนว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปยังรัฐบาลมากมายว่ามาตรการดังกล่าวที่นำมาใช้ในช่วงเวลานี้ เปรียบเหมือนกับการหาเสียงล่วงหน้า เนื่องจากกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2562 

อย่างไรก็ตาม Sanook! Money ก็ยังคิดว่านี่คือหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหรือคนจนที่ควรค่าแก่การนำมาบอกกล่าว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลในอนาคตไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม จะนำไปต่อยอด ปรับปรุง และพัฒนาเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มคนที่ยังมีรายได้น้อยได้อย่างยั่งยืนต่อไป

>> เว็บตรวจผลลงทะเบียนบัตรคนจน 3 เว็บ แค่พิมพ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก

>> ถือ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เข้าบิ๊กซี - โลตัส ได้เลย

>> เปิด 4 สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมใน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" รับปีใหม่

>> แจกเงิน 500 บาทเข้า “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” รับปีใหม่ เริ่ม 8-10 ธันวาคม 2561

>> ไม่ต้องรีบกดเงิน 500 บาท ออกจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะเงินไม่หายไปไหน

 

“ไปรษณีย์ไทย” ไร้วันหยุด! เริ่ม 1 ธันวาคม 2561

ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้เป็นยุคดิจิทัล ซึ่งสิ่งที่เป็นผลพลอยได้หรือจะเรียกว่าเป็นเทรนด์ในการทำธุรกิจก็คงไม่ผิดนัก นั่นก็คือ อีคอมเมิร์ซ และในเมื่อการค้าขายย้ายไปอยู่บนออนไลน์กันมากขึ้น สิ่งที่ขยายตัวตามมาติดๆ ก็คือบริการขนส่ง

หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาคธุรกิจไปจนถึงเศรษฐกิจไทย คงต้องมีชื่อของ "ไปรษณีย์ไทย" อย่างแน่นอน 

แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมเช่นกันคือ เมื่อเม็ดเงินในวงการขนส่งสินค้าหรือพัสดุมีมากขึ้น ย่อมนำพามาซึ่งคู่แข่งที่เพิ่มจำนวนขึ้นเช่นเดียวกัน จึงทำให้ ไปรษณีย์ไทย ซึ่งปัจจุบันแปรสภาพองค์กรอยู่ในรูปบริษัทจำกัด ที่ยังคงสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่เช่นเดิม หากแต่เปลี่ยนไปอยู่ใต้สังกัดของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ทันต่อสภาวะการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา

หนึ่งในมาตรการที่นำมาใช้ก็คือ การเปิดให้บริการทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เพื่อรองรับปริมาณความต้องการส่งพัสดุที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบันนั่นเอง รวมทั้งยังมีแนวทางอื่นๆ อีกเช่นกัน

>> ทุ่มสุดใจ! “ไปรษณีย์ไทย” ให้บริการถึง 2 ทุ่ม

>> "ไปรษณีย์ไทย" ส่งปลากัดได้แล้วนะ!

>> เปรียบเทียบกันชัดๆ “ไปรษณีย์ไทย-Kerry-สปีดดี” ส่งแบบไหนคุ้มสุด

>> "ขนส่ง-โลจิสติกส์" แข่งดุ! ขานรับ "อีคอมเมิร์ซ" ฟีเว่อร์!

>> “กสิกรไทย” ตั้ง “ไปรษณีย์ไทย” เป็นแบงกิ้ง เอเย่นต์

 

ดูแลแรงงานทุกมิติ

ในรอบปีที่ผ่านมา เราได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่ารัฐเอาใจใส่และพยายามแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงานหรือลูกจ้าง เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีคณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 ต่ำสุด 308 บาทต่อวัน สูงสุด 330 บาทต่อวัน แบ่งเป็น 7 ระดับ 7 กลุ่มจังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา

นอกเหนือไปจากนั้น กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ยังพยายามสรรหาตำแหน่งงานที่น่าสนใจทั้งในบ้านเรา รวมทั้งในต่างประเทศ มาประชาสัมพันธ์ให้กับบรรดาลูกจ้างได้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพอย่างถูกกฎหมายอีกด้วย

>> ประกาศทางการแล้ว! อัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ทั่วประเทศ เริ่ม 1 เมษายน

>> กรมการจัดหางานรับสมัครพนักงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้าที่ไต้หวัน ระยะเวลา 3 ปี

>> กระทรวงแรงงานเกาะกระแส "บุพเพสันนิวาส" เปิดอบรมอาชีพบริการ "ออเจ้า"

>> สมัครด่วนเลย! รับสมัครพนักงานทำงานที่ "มาเก๊า" รายได้สูงสุด 57,000 บาท

>> เตรียมตัวเลย! ญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงาน พร้อมเปิดรับแถมวีซ่าอยู่ยาวทั้งครอบครัว

>> แนะแรงงานไทยทำงานเมืองนอก สมัครกองทุนฯ เพียง 300-500 บาท คุ้มครองตลอดสัญญาจ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook