เซลล์ผิดปกติในปากมดลูก ทำ เอมี่ มีลูกยาก

เซลล์ผิดปกติในปากมดลูก ทำ เอมี่ มีลูกยาก

เซลล์ผิดปกติในปากมดลูก ทำ เอมี่  มีลูกยาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การไม่มีโรคถือเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ถ้าเป็นโรคแล้วรักษาหายก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าเป็นแล้วรักษาไม่หายแถมต้องกินยาดูแลรักษาตลอดชีวิตคงเป็นเรื่องที่ทำให้ต้องรู้สึกกังวลหรือเครียด เช่นเดียวกับนางเอกสาว เอมี่ กลิ่นประทุม ที่อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการเซลล์ผิดปกติในปากมดลูกซึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์ และไม่มีวันรักษาให้หายขาด นอกจากรักษาไม่ให้มันลุกลามต่อไปจนกลายเป็นเนื้อร้ายหรือถึงขนาดต้องตัดมดลูกทิ้งไป


"ที่มี่เป็นโรคนี้เพราะเกิดจากกรรมพันธุ์ เพราะแม่ก็เป็นและเพิ่งผ่าตัดมดลูกกับรังไข่ออกไป ส่วนมี่เป็นมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่เราไม่รู้เพราะมันไม่มีอาการ มารู้เพราะมี่ไปเป็นเพื่อนพี่หนิง ศรัยฉัตร ไปตรวจถึงได้รู้ หมอบอกว่ามีผู้หญิงหลายคนที่เป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวก็ตอนเป็นมะเร็งแล้ว เพราะมันไม่มีอาการอะไรเลย มันจะเป็นลักษณะเซลล์ผิดปกติขั้น 1-2-3 แล้วถึงเป็นมะเร็ง ซึ่งแต่ละขั้นกว่าจะเป็นมันใช้เวลาเพาะเชื้อหลายปีมาก เราเป็นขั้นที่ 2 ตอนแรกที่ไปตรวจนะหมอก็เลยทำการรักษาโดยจี้เซลล์ฟิตมันเอาไว้ไม่ให้ลุกลามต่อไป ถ้ามันยังลามต่อไปอีกเราก็ต้องไปจี้เซลล์ ไม่อย่างนั้นถ้ามันเป็นเยอะหมอก็ต้องตัดก้อนเซลล์ผิดปกติออกไปหรือร้ายสุดคือตัดมดลูกถ้ามันลามไปเรื่อยๆ

โรคนี้หมอบอกว่าไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ พอเป็นแล้วมันจะไปๆ มาๆ เราต้องสังเกตและไปหาหมอทุก 3 เดือนคอยดูตลอดว่ามันมากขึ้นหรือคงที่ ซึ่งหมอก็ถามเราว่า จะแต่งงานเมื่อไหร่ จะมีลูกเมื่อไหร่ หมอบอกต้องเริ่มแพลน แต่เราบอกยังไม่คิดจะมีลูก แต่หมอบอกต้องแพลนเพราะถ้าลามไปเรื่อยๆ จนเป็นมากถึงขั้นต้องผ่าตัดเซลล์ทิ้งอาจจะทำให้มีลูกยาก หมออยากให้เรามีลูกก่อนจะผ่าตัด แต่มันยังไม่ถึงขั้นนั้นเพราะหมอบอกว่าอีกหลายปี หมอแค่อยากรู้ว่าเราจะวางแผนมีลูกเมื่อไหร่ แต่เรายังไม่ได้วางแผนเรื่องมีลูกกันตอนนี้คิดแต่เรื่องแต่งงานก็เลยไม่อยากคิดอะไรมาก ค่อยๆ ดูกันไป

ถามกลัวมี่กลัวมั้ยเครียดหรือเปล่า ตอนแรกที่รู้กลัวและเครียดมากจะเอายังไงต้องผ่าต้องอะไรหรือเปล่า แต่พอไปดูหมอบอกยังไม่ต้องผ่า หมอบอกไม่ต้องเครียดเอาทีละขั้น ส่วน ซี ศิวัฒน์ ก็รู้และรู้มากกว่าเราอีกเพราะเขาศึกษาต้องอะไรยังไง เวลาไปฟังหมอบางทีเราฟังไม่รู้เรื่อง เขาจะเป็นคนเก็บรายละเอียดและอธิบายให้เราฟังอีกที และพอเราเครียดยิ่งเครียดยิ่งไม่ดี เขาก็จะบอกว่าไม่ต้องเครียดหมอบอกไม่เป็นอะไรมากขนาดนั้น ก็ทำตามที่หมอบอกให้ดูตัวเองและออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงเข้าไว้ ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่ออกกำลังกายแต่ตอนนี้ทำบ้าง

ตอนนี้มี่ก็ไม่ได้กลัวหรือกังวลแล้วเพราะเราสามารถไปตรวจเช็กดูได้ตลอดทุก 3 เดือนมันเป็นแค่ไหนแล้วเราจะได้รู้ว่าควรทำควรรักษายังไง แต่ก็อยากบอกว่าโรคนี้มันไม่มีอาการอะไร จะมีอาการต่อเมื่อเราเป็นหนักแล้ว เพราะฉะนั้นผู้หญิงเราอายุ 24-25 ปี ควรไปตรวจภายในได้แล้วจะได้รู้ว่าเราเป็นหรือเปล่า"

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook