อาหารและยาที่ไม่ควรกินร่วมกับ "ขิง" เพราะอาจต้านฤทธิ์ยาในร่างกาย

ขิง เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมทั้งในอาหารและการแพทย์แผนโบราณ ช่วยลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการท้องอืด และเสริมการไหลเวียนโลหิต แต่หากรับประทานร่วมกับอาหารหรือยาบางชนิด อาจเกิดปฏิกิริยาต้านฤทธิ์ยาหรือทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติได้
ขิงมีประโยชน์อย่างไร
- ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือผู้ที่มีอาการเมารถ
- มีสารต้านการอักเสบ บรรเทาอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ
- กระตุ้นระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น
อาหารและยาที่ไม่ควรกินร่วมกับขิง
อาหารรสจัดและเผ็ดร้อน
การกินขิงคู่กับอาหารเผ็ดร้อนมากเกินไป อาจทำให้กระเพาะระคายเคือง และเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อน
อาหารที่มีคาเฟอีนสูง
ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง หากกินร่วมกับขิงอาจกระตุ้นหัวใจให้เต้นแรงกว่าปกติ และทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไป
ยาลดความดันโลหิต
ขิง มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด หากรับประทานพร้อมยาลดความดัน อาจทำให้ความดันต่ำกว่าปกติ จนเกิดอาการหน้ามืดหรือวิงเวียน
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
เช่น วาร์ฟาริน แอสไพริน เมื่อกินร่วมกับขิงอาจเสริมฤทธิ์ให้เลือดแข็งตัวยากเกินไป เสี่ยงต่อการช้ำหรือเลือดออกง่าย
ยาลดน้ำตาลในเลือด
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หากรับประทานขิงร่วมกับยาลดน้ำตาล อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ จนเกิดอาการอ่อนเพลียหรือหน้ามืดได้
วิธีบริโภคขิงอย่างปลอดภัย
รับประทานในปริมาณพอดี
การกินขิงมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียหรือร่างกายร้อนเกินไป ควรจำกัดไม่เกิน 4 กรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่
เว้นระยะห่างหลังจากใช้ยา
หากต้องกินยาประจำ ควรเว้นการกินขิงอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนการดูดซึมยา
ปรึกษาแพทย์ในผู้ป่วยโรคประจำตัว
ผู้ที่มีโรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขิงเสริมในชีวิตประจำวัน
แม้ขิงจะมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย แต่การทานร่วมกับอาหารรสจัด คาเฟอีน หรือยาบางชนิด เช่น ยาลดความดัน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยาลดน้ำตาล อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นควรรับประทานอย่างพอดี และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี