โรคกระดูกพรุน คืออะไร พร้อมเรียนรู้วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรค

โรคกระดูกพรุนถือเป็นโรคที่ควรได้รับการรักษาและจำเป็นต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เกิดภาวะกระดูกหัก เนื่องจากโรคชนิดนี้จะไม่แสดงอาการอะไรเลย นอกเสียจากจะแสดงอาการออกมาเมื่อกระดูกหักไปแล้ว ดังนั้นเราจึงรวบรวมเอาวิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน พร้อมทั้งสาเหตุและอาการต่างๆ ที่พอจะสังเกตได้มาแชร์ให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ

โรคกระดูกพรุน คืออะไร
โรคกระดูกพรุนคือ โรคที่ความแข็งแรงของกระดูกลดลงจากเดิม จนส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก บางครั้งอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้กระดูกหักได้ แม้การเดินบนพื้นราบธรรมดาก็มีโอกาสทำให้ลื่นล้มกระดูกหัก ใช้มือยันพื้นก็อาจทำให้ข้อมือหัก สะโพกกระแทกพื้นก็อาจทำให้สะโพกหักได้

สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน
โดยปกติแล้วกระดูกของคนเราจะมีการสร้างและทำลายกระดูกอย่างสม่ำเสมอ ช่วงอายุก่อน 30-35 ปี ร่างกายจะมีการสร้างและทำลายกระดูก ซึ่งจะมีการสร้างมากกว่าทำลาย ดังนั้นกระดูกจึงแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากอายุ 30-35 ปี มวลกระดูกจะคงที่ ซึ่งจะมีการสร้างและทำลายที่สมดุลกัน ส่วนช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป การทำลายกระดูกจะมากกว่าการสร้าง ซึ่งนี่ถือเป็นสาเหตุที่เป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้ยังมีสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร นั่นก็คือ การมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ โรคต่อมหมวกไตมีปัญหา หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มผู้ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันก็มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้เช่นกัน เช่น ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือมีพฤติกรรมสูบบุหรี่

อาการของโรคกระดูกพรุน
อย่างที่ทราบกันแล้วว่าโรคกระดูกพรุนไม่มีอาการอะไรแสดงออกให้เห็นเลย แต่จะแสดงอาการออกก็ต่อเมื่อกระดูกหักไปแล้ว ดังนั้นจึงควรตระหนักถึงโรคนี้ให้ดี และรู้ถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน หมั่นสังเกตตัวเองว่ามีพฤติกรรมต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรคชนิดนี้หรือไม่ หากรู้สึกว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจมวลกระดูก และทำการคำนวณถึงความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักต่อไป

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน
ในส่วนของการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคกระดูกพรุนนั้นแบ่งออกเป็น 3 วิธีให้ได้ทำตามดังนี้

1.ระมัดระวังเรื่องพลัดตกหกล้ม
เนื่องจากผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนจะมีโอกาสกระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อหกล้ม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยจะต้องระมัดระวังเรื่องพลัดตกหกล้มให้ดี ควรจัดข้าวของในบ้านให้เป็นที่ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการสะดุดสิ่งของหกล้มนั่นเอง

2.หมั่นออกไปเจอแสงแดด
แสงแดดมีส่วนช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้จากธรรมชาติ ซึ่งวิตามินดีช่วยให้แคลเซียมที่เรากินเข้าไปสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเเลือดได้ดียิ่งขึ้น อย่างน้อยในหนึ่งวันควรให้ร่างกายได้รับแสงแดดในช่วงตอนเช้าหรือตอนเย็นประมาณ 15 นาที

3.ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย
การออกกำลังกายช่วยเพิ่มมวลกระดูก ทั้งนี้ผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัยด้วยเช่นกัน และควรเลือกออกกำลังกายที่มีน้ำหนักลงที่บริเวณข้อต่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว การวิ่งเหยาะๆ หรือการเต้นแอโรบิกสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมวลกระดูก ทำให้มวลกระดูกแข็งแรงมากขึ้น

ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังการใช้ชีวิตมากกว่าคนทั่วไป เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดสะดุดล้ม เพราะเมื่อใดที่ร่างกายสะดุดล้ม โอกาสที่จะทำให้กระดูกหักมีสูงมาก ที่สำคัญควรใส่ใจการดูแลตัวเองในช่วงเป็นโรคกระดูกพรุนให้ดี จะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติมากขึ้น