"บิงซู" ทานไม่ระวัง เสี่ยงติดโรค-ท้องร่วง

"บิงซู" ทานไม่ระวัง เสี่ยงติดโรค-ท้องร่วง

"บิงซู" ทานไม่ระวัง เสี่ยงติดโรค-ท้องร่วง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองสุขาภิบาลอาหาร สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันน้ำแข็งไสเป็นอาหารยอดนิยมสำหรับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย ทั้งน้ำแข็งไสแบบไทยที่มีขนมหวานอยู่ข้างใต้ มีน้ำแข็งโปะ และราดน้ำสีต่างๆ พร้อมด้วยนมข้นหรือน้ำกะทิ และน้ำแข็งไสแบบเกาหลี หรือที่รู้จักว่า "บิงซู" ซึ่งเป็นน้ำแข็งนมปั่นละเอียด และราดด้วยนมข้นหวาน นิยมใช้ช้อนตักกินร่วมกันในถ้วยเดียว

 

บิงซู ขนมหวาน พลังงานสูง

อย่างไรก็ตาม บิงซูเป็นขนมหวานที่มีปริมาณแคลอรีที่สูงมากถึง 300-750 กิโลแคลอรี ขณะที่ข้าวเหนียวทุเรียนและมะม่วง 365-450 กิโลแคลอรี และฮันนีโทสต์ 300-700 กิโลแคลอรี เมื่อเทียบจากปริมาณอาหารเท่ากันที่ 100 กรัม 

 

อันตรายจากบิงซู นอกเหนือไปจากความอ้วน

การกินบิงซูกับคนอื่นๆ ในถ้วยเดียวกัน เสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อผ่านทางน้ำลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คอตีบ คางทูม โปลิโอ วัณโรค ไวรัสตับอักเสบเอ หรือซาร์ส นอกจากนี้ น้ำแข็งที่กิน หากเกิดจากการผลิตและจำหน่ายที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทั้งสถานที่ผลิต จำหน่าย ภาชนะ อุปกรณ์ วัตถุดิบและตัวอาหาร รวมทั้งผู้สัมผัสอาหาร อาจทำให้มีเชื้อจุลินทรีย์ อีโคไล และเชื้อจุลินทรีย์ซาโมเนลลา ที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง

 

ทานบิงซูอย่างไร ให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

ผู้บริโภคควรกินในปริมาณอย่างเพียงพอ และควรเลือกท็อปปิ้งหน้าผลไม้เพื่อสุขภาพ และขอให้สังเกตว่าน้ำแข็งจากร้านที่ใช้บริการสะอาดเพียงพอหรือไม่ สุขลักษณะของพนักงานขายอาหาร เช่น มีการป้องกันสิ่งปนเปื้อนจากร่างกายสู่อาหาร หรือมีอุปกรณ์ปกปิดอาหารป้องกันสัตว์และแมลงนำโรค เป็นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook