เตือนภัย กิน "ทุเรียน" พร้อม "แอลกอฮอล์" เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

เตือนภัย กิน "ทุเรียน" พร้อม "แอลกอฮอล์" เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

เตือนภัย กิน "ทุเรียน" พร้อม "แอลกอฮอล์" เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฤดูกาลที่ขับรถไปทางไหนก็เจอแต่แม่ค้าทุเรียน หรือเลื่อนโซเชียลก็เจอแต่บุฟเฟต์ทุเรียนให้ลิ้มลอง ทำให้คนส่วนใหญ่ไขว่คว้าหาผลไม้เปลือกแหลมสีเหลืองทองมาลิ้มลองให้ชื่นใจ แต่รู้หรือเปล่าว่าผลไม้รสชาติอร่อยๆอย่าง ทุเรียน สามารถกลายเป็นยาพิษได้เลยถ้ากินคู่กับ แอลกอฮอล์

โดย รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยออกมาเตือนแล้วถึงผลเสียจากการกินทุเรียนพร้อมแอลกอฮอล์ จากข่าวที่มีพลทหารคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจาก กินทุเรียนกับเบียร์ แล้วเกิดอาการหน้ามืด หายใจไม่ออก กระทั่งเสียชีวิตต่อมา

แม้จะเคยมีเฟคนิวส์ที่ห้ามจับคู่อาหารประเภทนี้กินกับประเภทนั้น แต่ก็ต้องย้ำเตือนจริงๆว่า การกินทุเรียนกับเหล้าเบียร์ แล้วตายเป็นเรื่องจริง ซึ่ง อาจารย์เจษฎา ได้ให้เหตุผลไว้ว่า ปกติเมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว ร่างกายของเรา จะมีกลไกในการทําลาย เพื่อลดความเป็นพิษของแอลกอฮอล์ 

ถ้าเล่าแบบละเอียดเหมือนครูชีววิทยา ระดับ ม.ปลาย ร่างกายจะเปลี่ยนพิษเหล้าให้กลายเป็น อะเซตาดีไฮด์ (acetaldehyde) ด้วยเอนไซม์ ADH ก่อนจะเปลี่ยนให้เป็น สารอะซีเตท (acetate) อีกทีในขั้นที่สองด้วยเอนไซม์ ALDH และแปรสภาพเป็นน้ำและก๊าซในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อรอขับออกในที่สุด

แต่เนื่องจากใน ทุเรียน มีสารประกอบซัลเฟอร์ (กำมะถัน) ที่ยับยั้งเอนไซม์ ALDH ในร่างกายของเรา จนไม่สามารถเล่นแร่ จากพิษเหล้าเป็นน้ำได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้พิษเหล้าที่อยู่ในสภาพ อะเซตาดีไฮด์ (acetaldehyde) เกิดอาการคั่ง และส่งผลให้ร่างกายผิดปกติ เช่น หน้าแดง เหงื่อออก คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หายใจเร็ว

ซึ่งผู้ป่วยบางคนโชคดีไม่มีอาการรุนแรง แต่สำหรับคนอีกกลุ่มก็มีอาการหนัก เกิดภาวะหายใจลําบาก หัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตในท้ายที่สุด นอกจากนี้ ทุเรียน เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง เมื่อเจอกับแอลกอฮอล์ที่ให้พลังงานสูงเหมือนกัน ก็ส่งผลให้ร่างกายเข้าสู้ภาวะขาดน้ำ และช็อกได้เลยทีเดียว

ถึงอย่างนี้แล้วเวลาปาร์ตี้ หากคิดจะดื่มเหล้าก็ควรเลี่ยงทุเรียนและผลไม้หวานๆจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยทางสุขภาพกาย และความปลอดภัยจากสุขภาพใจตอนตื่นขึ้นมาชั่งน้ำหนักแล้วพบว่าเข็มกิโลไปไกลเกินกว่าแต่ก่อน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook