16 อาการที่สังเกตได้ของ "ไบโพลาร์"

16 อาการที่สังเกตได้ของ "ไบโพลาร์"

16 อาการที่สังเกตได้ของ "ไบโพลาร์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากลองสังเกตดีๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเครียดในชีวิตประจำวันพบได้บ่อยมากขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังส่งผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่กลับมีความผิดปกติทางด้านอารมณ์อีกชนิดหนึ่งที่พบได้ไม่ยากนัก 

ทว่าตัวผู้ป่วยเองอาจยังไม่รู้ว่าตนป่วยหรือรู้สึกลำบากใจที่จะยอมรับ ไม่กล้าไปพบแพทย์ ทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด และความทุกข์ใจต่อคนในครอบครัวและคนรอบข้างได้ โรคที่ว่านี้คือ โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับ ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยการสนับสนุนจาก ซาโนฟี่ ประเทศไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคไบโพลาร์เอาไว้ ดังนี้


โรคไบโพลาร์ คืออะไร

โรคไบโพลาร์เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่มีการขึ้นและลงของอารมณ์อย่างรุนแรง โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ หรืออาจเกิดในผู้ที่มีความเครียดสะสม หรืออดนอนบ่อยๆ ร่วมด้วย การแสดงออกทางอาการแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาการแมเนีย (Mania) คือ อารมณ์ดี คึกคัก สนุกสนาน และกลุ่มอาการซึมเศร้า (Depress) จึงเรียกโรคนี้ว่า โรคอารมณ์สองขั้ว (ขั้วบวก = แมเนีย และ ขั้วลบ = ซึมเศร้า)

โดยปกติในแต่ละวัน คนเราจะมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในระดับหนึ่งแล้วกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ รับผิดชอบหน้าที่การงาน ครอบครัว สังคมได้ แต่คนที่มีอารมณ์ผิดปกติ คือ เกิดอารมณ์ขั้วบวกหรืออารมณ์ขั้วลบเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป และไม่สามารถกลับเข้าสู่อารมณ์ปกติได้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว

การสังเกตอาการเริ่มต้นนั้นทำได้ไม่ยาก โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีสัญญาณเริ่มต้น ได้แก่

  1. ขั้วบวก คือ หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ 2-3 วัน พูดมากขึ้น ร่าเริงผิดปกติ หรือในบางคนอาจจะมีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
  2. ขั้วลบ คือ เศร้าผิดปกติ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไร คิดลบ รู้สึกไม่อยากมีชีวิต 

16 อาการที่สังเกตได้ของ "ไบโพลาร์"

ช่วงขั้วอารมณ์ขึ้นสูง หรือช่วงเบิกบาน

ร่าเริงเบิกบาน หรือหงุดหงิดมากเป็นพิเศษนานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และมีอย่างน้อย 3 ข้อของอารมณ์ “คลั่ง” ดังต่อไปนี้

  1. รู้สึกลำพองในตัวเอง
  2. ต้องการนอนน้อยลง
  3. พูดมากกว่าปกติ
  4. ความคิดแล่นเร็ว
  5. ขาดสมาธิ ความสามารถในการคิดลดลง
  6. มีกิจกรรมทางสังคม การงาน หรือทางเพศมากขึ้น
  7. ขาดความรอบคอบ ยับยั้งชั่งใจ เช่น การซื้อของอย่างฟุ่มเฟือย ขับรถเร็ว เล่นการพนัน เป็นต้น

ช่วงขั้วอารมณ์ดิ่งต่ำ หรือซึมเศร้า

มีอาการพร้อมกันอย่างน้อย 5 ข้อ นานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ของอารมณ์เหล่านี้

  1. ซึมเศร้า
  2. หมดความสนใจใยดี ความสนุกสนานลดลง
  3. น้ำหนักตัวเพิ่ม หรือลดอย่างมาก
  4. นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป
  5. ความคิด หรือการเคลื่อนไหวเชื่องช้า
  6. อ่อนเพลีย ไม่มีพละกำลัง
  7. รู้สึกตนเองไร้ค่า รู้สึกผิดแบบไม่สมเหตุสมผล
  8. สมาธิ ความสามารถคิดลดลง
  9. ความคิดวนเวียนเกี่ยวกับความตาย

วิธีรักษาไบโพลาร์

เมื่อพูดถึงการรักษาหลายคนมักมีความเข้าใจผิดว่าโรคไบโพลาร์ไม่สามารถรักษาหายได้ แต่ในความเป็นจริงโรคไบโพลาร์สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเป็นวิธีการรักษาหลัก โดยแพทย์จะให้ยาทางจิตเวชเพื่อปรับสารสื่อประสาทและควบคุมอารมณ์ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคและยา รวมถึงการดูแลตนเองในด้านต่างๆ ควบคู่กันไป 

สำหรับผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจแนะนำให้ทำจิตบำบัดร่วมด้วยเพื่อให้สามารถจัดการกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น และลดความขัดแย้งกับคนรอบข้างที่เป็นสาเหตุของความเครียด โดยข้อห้ามหลักๆ คือ ไม่ควรหยุดยาเอง ไม่ควรอดนอน และไม่ควรใช้สารเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์  ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากอาการผิดปกติและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook