เเพทย์ยืนยัน ร่างผู้เสียชีวิตจาก "โควิด-19" ไม่แพร่เชื้อสู่สาธารณะ

เเพทย์ยืนยัน ร่างผู้เสียชีวิตจาก "โควิด-19" ไม่แพร่เชื้อสู่สาธารณะ

เเพทย์ยืนยัน ร่างผู้เสียชีวิตจาก "โควิด-19" ไม่แพร่เชื้อสู่สาธารณะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผอ.สถาบันบำราศนราดูร แจง ร่างผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ไม่แพร่เชื้อ ระบุทำความสะอาดตามมาตรฐาน บรรจุร่างในถุงซิป 3 ชั้น ฌาปนกิจด้วยความร้อนสูง 800-1,000 องศา ไม่หลงเหลือเชื้อโรค

นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผอ.สถาบันบำราศนราดูร ระบุว่า สถาบันบำราศฯ รักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว 117 คน ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอยู่อีก 74 คน ในส่วนของผู้ป่วยที่เสียชีวิตในสถาบันบำราศฯ มี 3 ราย เป็นผู้ป่วยที่ทางสถาบันใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการต่อสู้กับโรค ผู้ป่วยได้รับยาตั้งแต่แรกที่เข้ารักษา ให้ยาทุกตัวทั้งยาแอนตี้ไวรัสเฮชไอวี ยาต้านมาเลยเรีย และยาที่ได้รับจากญี่ปุ่นและจีน หรือยาฟาริพิราเวีย ยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาอาการปอดอักเสบ เป็นการรักษาแบบประคับประคองและรักษาเฉพาะรายบำบัดอาการวิกฤต

มีคณะแพทย์ อาจารย์แพทย์ร่วมเป็นที่ปรึกษา ทีมแพทย์ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการรักษา และขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่ไม่สามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยได้ เมื่อเสียชีวิตแล้วทีมแพทย์ยังดูแลในเรื่องของการจัดการศพ ซึ่งทางสถาบันมีความชำนาญในเรื่องโรคติดเชื้อ มีการซักซ้อมเป็นระยะๆ 

กรณีผู้ป่วยโรคติดต่ออันตรายเสียชีวิต ร่างจะถูกบรรจุในถุงซิปหนา 3 ชั้น ฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์ 70% ก่อนจะเข้าไปดูแลร่างผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ต้องสวมใส่เครื่องป้องกันตัวอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้แปลว่าร่างผู้เสียชีวิตจะมีหรือไม่มีเชื้อโรค แต่เราใส่ชุดแบบนี้ทั้งหมด แม้ว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะได้รับการรักษาจนเชื้อโรคหมดแล้ว เป็นผู้ป่วยวิกฤตปกติก็ยังต้องสวมชุดป้องกันเพื่อให้บุคลากรมีความมั่นใจในการทำงาน

การจัดการศพมีหลักการเป็นทฤษฎี ร่างจะถูกชุบแอลกอฮอล์ในการแพ็ค แพ็คเสร็จใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ พ่นฆ่าเชื้อทุกด้าน ทุกซอกของตัวร่างเพื่อให้เกิดความสะอาด ใช้สำลีชุบน้ำยาแอลกอฮอล์อุดตามอวัยวะ และด้านหลังของศพ จากนั้นนำร่างบรรจุใส่ถุงซิป 3 ชั้น ระหว่างการรูดซิปชั้นที่ 1 เจ้าหน้าที่จะต้องสเปรย์แอลกอฮอล์พ่นฆ่าเชื้อที่ถุงซิป จากนั้นผู้บรรจุศพต้องออกจากห้อง ถอดชุดป้องกัน ถอดถุงมือออกไปทำความสะอาดร่างกาย แล้วกลับมาบรรจุร่างใส่ถุงซิปชั้นที่ 2 และทำซ้ำแบบเดียวกันในการบรรจุร่างใส่ถุงซิปชั้นที่ 3 เพื่อให้มั่นใจว่าถุงซิปชั้นที่ 2 และ 3 ไม่มีโอกาสที่จะมีเชื้อโรคเลย

สำหรับถุงซิปเป็นถุงที่ทำเฉพาะใส่ร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคติดต่ออันตราย จากนั้นศพจะเคลื่อนย้ายไปสู่ที่ฌาปนสถานโดยไม่มีการเปิดถุงซิป เพราะญาติจะสวมชุดป้องกันเข้าไปยืนยันศพก่อนบรรจุร่าง ในข้อเท็จจริงจึงไม่เชื้อโรคผ่านออกไปสู่สังคม จึงไม่ต้องกังวลว่าร่างผู้เสียชีวิตจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค เพราะเชื้อจะถูกทำลายด้วยความร้อน 60 องศา โดยการฌาปนกิจเผาด้วยความร้อน 800-1,000 องศา และเป็นการฌาปณกิจผ่านถุงซิป 3 ชั้น จึงขอให้มั่นใจในขั้นสูงสุดของระบบสาธารณสุขไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook