5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ “ไหมขัดฟัน”

5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ “ไหมขัดฟัน”

5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ “ไหมขัดฟัน”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากพูดถึงการทำความสะอาดฟัน ลิ้น และส่วนต่างๆ ภายในช่องปาก หลายคนน่าจะนึกถึงการแปรงฟันเป็นอย่างแรก ต่อมาจึงเริ่มนึกถึงน้ำยาบ้วนปาก แต่น้อยคนจะนึกถึงไหมขัดฟัน เพราะเข้าใจว่าไหมขัดฟันมีไว้ใช้เมื่อมีเศษอาหารติดฟัน หรือใช้แทนไม้จิ้มฟัน เพื่อป้องกันฟันห่างเท่านั้น อันที่จริงแล้วยังมีเหตุผลอีกหลายข้อที่อยากแนะนำไหมขัดฟันให้รู้จักในฐานะ “อุปกรณ์ทำความสะอาดฟัน”

 

ไหมขัดฟัน คืออะไร?

ไหมขัดฟัน (Dental floss) เป็นนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ผลิตขึ้นเพื่อช่วยขจัดเศษอาหาร หรือคราบแบคทีเรียที่ติดอยู่ตามซอกฟัน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการขจัดเศษอาหารเฉพาะจุดได้เป็นอย่างดี สมัยก่อนไหมขัดฟันถูกผลิตขึ้นจากวัสดุเส้นใยไหมบิดรวมกันเป็นเส้นยาว และเคลือบขี้ผึ้ง แต่หลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการเปลี่ยนวัสดุเป็นไนลอน ทำให้ใช้ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันไหมขัดฟันแบ่งเป็น 2 ประเภทจากวัสดุที่ผลิต คือเส้นใยไนลอน และพลาสติกเส้นใยเดี่ยว ที่ถูกคิดขึ้นเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความเหนียว น้ำหนักเบา ไม่ขาดง่าย และมีทั้งชนิดเคลือบขี้ผึ้ง หรือแต่งกลิ่นเพิ่มอีกด้วย

 

5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ “ไหมขัดฟัน”

  1. ไหมขัดฟัน สามารถนำเศษอาหารที่ติดฟันออกได้มากกว่าการแปรงฟัน

หากเราทราบว่ามีเศษอาหารติดอยู่ที่ฟันซี่ไหน แทนที่จะใช้แปรงสีฟันแปรงย้ำๆ บริเวณนั้นจนกว่าเศษอาหารจะหลุด (หรืออาจจะหลุดออกแค่บางส่วน) หรือใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มตรงบริเวณซอกฟันนั้นๆ เปลี่ยนมาใช้ไหมขัดฟันจะทำให้เราสามารถเอาเศษอาหารออกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตรงจุด ลดอาการบาดเจ็บจากการใช้ไม้จิ้มฟัน และไม่เสี่ยงต่ออาการฟันห่าง ที่อาจเป็นจุดที่เศษอาหารเข้าไปติดซอกฟันได้มากขึ้นในอนาคต

 

  1. ลดปัญหากลิ่นปากได้จากต้นเหตุ

หลายครั้งกลิ่นปากของเราไม่ได้มาจากฟัน หรือลิ้น แต่มาจากเศษอาหารที่ติดอยู่ในซอกฟันที่เราอาจไม่ทันสังเกต หรือไม่รู้สึกตัวว่ามีเศษอาหารติดอยู่ที่ซอกฟัน ดังนั้นการใช้ไหมขัดฟันหลังทานอาหาร หรือหลังแปรงฟัน จะช่วยกำจัดเศษอาหารออกไปจากซอกฟันได้มากขึ้น จึงลดความเสี่ยงในการเกิดกลิ่นปากได้ด้วยนั่นเอง

 

  1. ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับเหงือกและฟัน

การทำความสะอาดลึกถึงซอกเหงือกซอกฟันด้วยไหมขัดฟัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคฟันผุ ฟันโยก โรครำมะนาด หรือปริทนต์ เหงือกบวม เหงือกร่น เหงือกอักเสบ และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหงือก และฟัน เพราะการทำความสะอาดที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของเศษอาหาร และแบคทีเรียได้ นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงในการเกิดหินปูน ที่เป็นต้นเหตุของการสูญเสียฟัน กลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ และนำมาซึ่งการใส่ฟันปลอมในอนาคตได้

 

  1. สุขภาพแข็งแรงขึ้น อายุยืนขึ้น

Thomas Perls แห่ง Boston University ผู้คิดค้น Living to 100 Life Expectancy Calculator หรือเครื่องมือคำนวณ “อายุคาดเฉลี่ย” จากปัจจัยต่างๆ ในชีวิต ระบุว่า การใช้ไหมขัดฟัน ช่วยทำให้สุขภาพโดยรวมของเราแข็งแรง และช่วยยืดอายุขัยของเราให้ยาวนานขึ้น เพราะการใช้ไหมขัดฟันช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของเราเป็นไปได้ด้วยดี ทานอาหารที่มีประโยชน์ได้เต็มที่ นอกจากนี้ Dr. Roizen ผู้เขียนหนังสือ Real Age ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า คนที่ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำหลังรับประทานอาหาร และไม่สูบบุหรี่ จะทำให้มีอายุยืนขึ้น 5 ปีเลยทีเดียว

 

  1. ไม่ต้องเสียเงินก้อนโตให้กับหมอฟัน

เผื่อใครยังไม่ทราบ หากฟันมีปัญหา ไม่ว่าจะฟันผุ อุดฟัน ซ่อมรากฟัน หรือใส่รากฟันเทียม บริการเหล่านี้ราคาไม่น้อย ดีไปดีต้องเสียเงินมากถึงหลักหมื่นหลักแสนต่อฟันแค่ซี่เดียว ถ้าฟันมีปัญหาหลายซี่ยิ่งต้องคิดหนัก เพราะลำพังประกันสังคม หรือประกันบริษัทไม่อาจครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ ดังนั้นหากใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำจนมีฟันที่สะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายเงินก้อนโตให้กับโรงพยาบาล หรือคลินิกทำฟันได้แน่นอน

 

 

วิธีเลือกไหมขัดฟันที่เหมาะสม

ไหมขัดฟันที่เคลือบ และไม่เคลือบขี้ผึ้ง มีประสิทธิภาพในการกำจัดเศษอาหารได้ใกล้เคียง เพียงแต่ชนิดที่เคลือบขี้ผึ้งอาจทำให้การซอกซอนเข้าซอกฟันทำได้ง่าย และลื่นกว่า และไหมขัดฟันชนิดไม่เคลือบขี้ผึ้งอาจจะมีผิวสัมผัสที่คมกว่า ช่วยขจัดคราบหินปูนที่เกิดใหม่ออกได้ง่ายกว่าเล็กน้อย

การเลือกไหมขัดฟันที่ให้ประสิทธิภาพในการกำจัดเศษอาหารได้ดี และสะดวกที่สุด คือการเลือกไหมขัดฟันที่มีลักษณะเส้นเล็ก แบน แผ่ออกได้เมื่อผ่านซอกฟัน มีความเหนียวไม่ขาดง่าย และไหมไม่คมเกินไปจนทำให้เหงือกเป็นแผล ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ของเราด้วยว่าถูกต้องหรือไม่

 

วิธีใช้ไหมขัดฟันที่ถูกต้อง

  • ดึงไหมขัดฟันออกมาพันที่ปลายนิ้วกลางที่มือทั้งสองข้างให้แน่นพอที่จะไม่หลุดง่ายๆ (อย่าดึงไหมขัดฟันออกมาสั้น หรือพันรอบนิ้วน้อยจนเกินไป) ให้ความยาวของไหมขัดฟันระหว่างนิ้วทั้งสองยิ้วอยู่ราวๆ 2-3 เซนติเมตร

  • ค่อยๆ สอด หรือดันไหมขัดฟันเข้าไปในซอกฟัน โดยใช้นิ้วกลาง นิ้วชี้ และนิ้วโป้งคอยช่วยบังคับทิศทางของไหมขัดฟัน จะเลือกฟันซี่ไหนก่อนก็ได้ (แต่แนะนำให้เลือกฟันกรามซี่ที่ลึกที่สุดก่อน) จากนั้นขยับไหมขัดฟันขึ้นลง และขยับเป็นรูปตัว C บ้าง เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับเหงือก แต่อย่าออกแรงกดไหมขัดฟันกับเหงือกมากจนเกินไป อาจทำให้บาดเจ็บเลือดไหลได้ (ครั้งแรกๆ ที่ใช้ไหมขัดฟันอาจมีเลือดออกได้บ้างเล็กน้อย ไม่ต้องตกใจ หากใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำจะช่วยให้เหงือกแข็งแรงมากพอที่จะทำให้เลือดไม่ไหลได้)

  • ใช้ไหมขัดฟันให้ครบทุกซี่ ก่อนหรือหลังการแปรงฟัน อาจจะเริ่มจากซี่ในสุดด้านขวาไปซ้าย จากฟันบนไปฟันล่างก็ได้

  • ไหมขัดฟันที่ใช้แล้ว ควรทิ้งทันที ห้ามนำกลับมาใช้ซ้ำ เพราะอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อแบคทีเรียได้

  • บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลังการใช้ไหมขัดฟัน
  • หมั่นใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำจนชิน เพื่อสุขภาพอนามัยของฟัน และเหงือกที่ดีขึ้น หากใช้ไหมขัดฟันแล้วมีอาการเจ็บเหงือก หรือมีเลือดไหลทุกครั้งไม่ยอมหาย ควรปรึกษาทันตแพทย์

 

แม้ว่าจะดูแลสุขภาพของฟันเป็นอย่างดีแล้ว ก็อย่าลืมพบทันตแพทย์ทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อตรวจเช็กสุขภาพของฟันอย่างละเอียด ก่อนที่จะต้องสูญเสียฟันไปตลอดกาล ปรึกษาทันตแพทย์ได้ที่ศูนย์ทันตกรรมในโรงพยาบาล หรือเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันฟรีได้ที่คลินิกทันตกรรมทั่วประเทศ (อาจมีค่าใช้จ่ายในบางแห่ง กรุณาสอบถามทางคลินิกได้โดยตรง)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook