เพราะอ้วน! ไม่กล้าบอกคนไข้ให้ลดน้ำหนัก พยาบาลสาวฟิตลดหุ่นตัวเองก่อน

เพราะอ้วน! ไม่กล้าบอกคนไข้ให้ลดน้ำหนัก พยาบาลสาวฟิตลดหุ่นตัวเองก่อน

เพราะอ้วน! ไม่กล้าบอกคนไข้ให้ลดน้ำหนัก พยาบาลสาวฟิตลดหุ่นตัวเองก่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พยาบาลสาวน้ำหนัก 127 กก. เคลลี่ ฟอสเตอร์ มักจะโดนคนไข้มองแปลกๆ เสมอเมื่อเธอแนะนำให้คนไข้ลดน้ำหนักตัว เธอจึงตัดสินใจลดน้ำหนักตัวเองก่อน

“คุณรู้ไหม คุณควรจะต้องจริงจังกับการลดน้ำหนักจริงๆ แล้ว” พยาบาล เคลลี่ ฟอสเตอร์ ได้บอกกับคนไข้ของเธอ “ดัชนีมวลกายที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถปลูกถ่ายไตได้สมบูรณ์” เธอพูดต่อ แต่คนไข้ของเธอกลับมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าไปมาขณะที่ฟังเธอพูด

ด้วยน้ำหนัก 127 กิโลกรัม ทำให้เคลลี่รู้สึกเหมือว่าขนาดตัวเธอเองยังไม่ทำตามคำแนะนำที่เธอให้กับคนไข้เลย และเธอจะรู้สึกอายทุกครั้งที่เมื่อต้องอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของน้ำหนักตัวของคนไข้ผู้มารักษาโรคไต และการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

“มันน่าอายมากๆเลย เวลาที่จะต้องแนะนำให้คนไข้ลดน้ำหนัก ในขณะที่ฉันก็ยังอ้วนอยู่แบบนี้ คุณต้องเห็นสีหน้าคนไข้พวกนั้นเวลาได้ยินฉันพูดแบบนั้น พวกเขาดูไม่เชื่อถือฉันเลย แต่มันก็คืองานของฉันอยู่ดี” เคลลี่เล่า

แต่นี้ชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเคลลี่มุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับความทุกข์ที่เธอทนมานานและตั้งใจที่จะเปลี่ยนให้มันถูกต้อง เธอขอให้มาร์ค สามีวัย 35 ปีของเธอให้ซื้อคอร์สลดน้ำหนักที่ยิมเป็นของขวัญในวันเกิด และเคลลี่เริ่มต้นไดเอทและเข้าฟิตเนสตามแผนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ

ตอนนี้เธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 57 กิโลกรัม และเปลี่ยนจากไซส์ 24 เป็น 12 จากที่เมื่อก่อนแค่เดินจากบ้านไปโรงพยาบาลเธอก็รู้สึกเหนื่อยหอบมากแล้ว แต่ตอนนี้เธอสามารถวิ่งไปกลับได้ทุกวัน และสามารถเป็นแบบอย่างให้กับคนไข้ของเธอได้แล้ว

“ฉันรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมาก และรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากจริงๆ ที่สามารถทำให้คนไข้ของฉันได้เห็นว่าฉันก็สามารถลดน้ำหนักได้เหมือนกัน ซึ่งการลดน้ำหนักมันทำให้สุขภาพดีขึ้นรวมถึงสร้างความมั่นใจอีกด้วย ฉันรู้ดีเพราะฉันผ่านมันมาแล้ว และชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นด้วย”

 

เคลลี่เป็นคนชอบทานอาหารมาก ตอนเธอเด็กๆ เธอป่วยเป็นโรคหืดหอบ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆ ได้เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เธอมีขนาดไซด์ 16 ตอนเธอพบกับมาร์ค สามีของเธอ ข้าราชการพลเรือนอายุ 18 ปีซึ่งหุ่นดีมาก พวกเขามีลูกชายชื่อ แฮร์รี่ อายุ 14 ปี, เท็ด อายุ 7 ปี, และออยลี่ 4 ปี

“ฉันรู้ว่าฉันตัวใหญ่เกินไป แต่ฉันใช้เหตุผลว่าฉันเคนมีลูก 3 คนมาแล้วเป็นข้ออ้างเสมอ” เธอกล่าว แม้ว่าเธออำพรางรูปร่างของตัวเองภายใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ได้ แต่เธอไม่สามารถซ่อนผลกระทบที่จะเกิดกับสุขภาพของเธอได้

เช่นเดียวกับคนไข้ที่เธอคอยให้คำแนะนำที่โรงพยาบาลท้องถิ่น Stockport NHS Foundation Trust Hospital เธอต้องพบกับปัญหาอาการปวดข้อเข้าและการเคลื่อนไหวที่ลำบาก “ฉันบอกกับตัวเองว่าชีวิตฉันวุ่นวายมาก และต้องการความสะดวกเวลาจะหาอะไรทาน ซึ่งหมายความว่าส่วนใหญ่จะไม่ใช่อาหารที่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่” เคลลีเลือกกินมันฝรั่งแผ่นในโรงอาหารที่โรงพยาบาลเพื่อประหยัด “มันถูกกว่าซื้อสลัดไก่งวงมากๆ” เธอกล่าว

แต่เพราะเธอตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย และทำให้ความมั่นใจของเธอก็เริ่มลดน้อยลง ความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ก็ลดน้อยลงไปด้วยเพราะเธอกลัวการเข้าสังคม ดังนั้นเมื่อเดือนกันยายน 2012 ที่ผ่านมา ตอนที่ มาร์ค ชวนเธอออกไปทานอาหารค่ำนอกบ้านในคืนวันเกิดของเธอ แต่เธอกลับขอให้เขาซื้อคอร์สลดน้ำหนักให้เธอแทน

เธอเข้าโปรแกรมออกกำลังกาย ร่วมกับการทานอาหารแคลอรี่ต่ำ “ครั้งแรกฉันวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าได้ยังไม่ถึง 10 นาทีเลย และฉันรู้สึกอายมาก” เธอเล่า แต่หลังจากนั้นไม่กี่คลาส เคลลี่ กลายเป็นคนเสพติดการออกกำลังกายและสนุกกับการทำอาหารเอง

เคลลี่เล่าว่าเธอเลิกเอาเงินไปซื้อมันฝรั่งแผ่นทอดแล้ว และห่ออาหารแคลอรี่ต่ำมาทานเอง และเวลาที่ลูกๆเ ข้านอนแล้ว เธอก็จะออกไปยิมเพื่อออกกำลังกาย และภายใน 6 สัปดาห์เธอลดน้ำหนักไปได้ถึง 6.3 กิโลกรัม

พอน้ำหนักเธอลดลง ความมั่นใจและสุขภาที่ดีก็ตามมาด้วย และความพยายามของเธอก็ส่งผลให้งานของเธอดีขึ้น คนไข้ทั้งหมดในศูนย์ไต เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้และให้กำลังใจเธอ

 

แต่เคลลี่ต้องพบกับปัญหาโรคหนังยืดผิดปกติ เธอพบว่าผิวหนังเริ่มติดเชื้อและแสบอย่างรุนแรงเวลาเธอวิ่งและเธอจึงตัดสินใจที่จะยอมผ่าตัดมันออก “การไดเอตและการออกกำลังกายทำให้สุขภาพฉันกลับมาดีขึ้น แต่ผิวหนังที่หย่อนคล้อยก็เป็นหนึ่งในผลกระทบที่ฉันไม่คิดฝันว่าจะเกิดขึ้นมาก่อนเลย”

ดังนั้นในเดือนเมษายน 2014 เธอเข้าผ่าตัดลดขนาดหน้าอกและเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาเธอได้กู้เงินเพื่อเข้าผ่าตัดศัลยกรรมเอาผิวหนังบริเวณหน้าท้องและแขนออกไปหนัก 12 กิโลกรัม

หลังการผ่าตัดในที่สุดเธอก็สามารถกลับมาวิ่งได้อีกครั้งและเมื่อเดือนที่แล้วเธอได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง the Great North Run Half มาราธอน

“มันเป็นเรื่องบ้ามากที่ครั้งหนึ่งฉันเคยเดินในโรงพยาบาลก็รู้สึกเหนื่อยมากแล้ว แต่ตอนนี้ฉันสามารถวิ่งได้ถึง 13 ไมล์” และที่สำคัญก็คือ เคลลี่ สามารถใส่ชุดบิกินี่ได้เป็นครั้งแรก และเธอกำลังฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันมาราธอน London Marathon เดือนเมษายนปีหน้า

“ตอนนี้ฉันไม่อายที่จะบอกกับคนไข้ของฉันให้ลดน้ำหนักอีกต่อไปแล้ว” เธอกล่าว

เมื่อก่อนเคลลี่กินแบบนี้
มื้อเช้า : คิทแคท
มื้อกลางวัน : แซนวิช, มันฝรั่งทอด
ของว่าง : น้ำอัดลม, ช็อกโกแลตแท่ง
มื้อค่ำ : อาหารสำเร็จรูปหรือทำเอง ปิดท้ายด้วยมันฝรั่งแผ่นและเค้ก

ตอนนี้เธอทานแบบนี้
มื้อเช้า : ข้าวต้มข้าวโอ๊ต
มื้อกลางวัน : สลัดเนื้อไม่ติดมันหรือปลา
อาหารว่าง : โยเกิร์ตไขมัน 0%
มื้อค่ำ : สลัดผักและเนื้อไม่ติดมันหรือปลา

 

 

ที่มา Mirror

ขอบคุณข้อมูล : http://workpointtv.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook