แบบทดสอบความเป็นมือโปรตัวจริง
เมื่อถึงเวลาทำงาน ความคิดความอ่านบางอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยเรียนกันบ้าง เพราะเท่ากับว่าชีวิตนี้ต้องรับมือกับความรับผิดชอบที่ใหม่และใหญ่กว่าเดิม
ว่ากันว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการทำงาน ก็คือ ความเป็นมืออาชีพ ทั้งคิด พูด จัดการกับปัญหา หรือแม้แต่การสร้างบุคลิก มาดูกันหน่อยไหมว่า คุณผ่านโปรฯ 3 หัวข้อเบื้องต้นนี้แล้วหรือยัง Talk Like a Pro วิธีการพูดนั้นสะท้อนหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งความคิด ความมั่นใจ การเตรียมตัว ความกล้าแสดงออก ฯลฯ ของคนพูด ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาพูด อย่าลืม... - มั่นใจว่าสิ่งที่จะพูดเป็นข้อมูลที่ผ่านการคิดกรองมาแล้ว อย่าให้การแสดงความคิดเห็นในโอกาสต่างๆ ของคุณล้มเหลว เพราะขาดการเตรียมข้อมูลที่ดี หรือาจมีเครื่องมือช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจง่ายและเห็นภาพที่ชัดขึ้น - พูดอย่างเหมาะสม ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป การใช้ภาษา ท่าทาง และลีลาที่พอดึงดูดสายตา เรียกความสนใจในปริมาณที่พอดี ก็จะช่วยให้การพูดนั้นดูลงตัว ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ หรือโอเวอร์แอคติ้งจนเกินงาม - อย่าพยายามโชว์พาว แม้ว่าการประชุม หรือการพรีเซนต์ใดๆ จะเป็นเวทีที่สามารถแสดงศักยภาพ แต่คนพูดก็ควรสร้างความรู้สึกที่เป็นมิตร ไม่ดูเย่อหยิ่ง หรืออวดตัว - มีความสุขเมื่อต้องพูด สูดหายใจเข้าลึกๆ ให้ฉ่ำปอด นอกจากเรียกความมั่นใจไม่ให้ประหม่าแล้ว สมองยังนำออกซิเจนไปใช้ได้เต็มที่ ทำให้ไม่หลงลืมข้อมูล และการพูดครั้งนั้นก็จะมีความเป็นธรรมชาติอีกด้วย - หาโอกาสที่จะพูด(อย่างสร้างสรรค์) ทั้งที่ทำงาน และนอกที่ทำงาน บางครั้งบางคราที่ต้องการแสดงความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด อย่าคิดว่า ไม่พูดดีกว่า เพราะสิ่งที่พูดไปอาจจะมีประโยชน์ และยังเป็นการฝึกความมั่นใจของเราด้วย - รับฟังฟีดแบ็ก ถามไถ่คนรอบข้างที่กล้าพูดกับเราอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำความคิดเหล่านั้นมาปรับปรุงและพัฒนาตัวเอง แต่อย่าไปเสียเวลากับคำนินทาที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ - ไปคาราโอเกะ ช่วยพัฒนาศักยภาพทางการพูดได้จริงๆ นะ เพราะนอกจากจะเป็นการคลายเครียด แล้วยังเป็นการสร้างความมั่นใจ และฝึกการออกเสียงในเวลาเดียวกันด้วย Know What To Wear เช่นเดียวกับการพูดจา การแต่งตัวก็สามารถสะท้อนบุคลิก รสนิยม รวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกของคุณ ณ ช่วงเวลานั้นๆ ได้ และการแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูเป็นโปรเฟสชั่นนัล ใช่ว่าจะต้องทิ้งความเป็นตัวตนไว้เบื้องหลัง หากต้องค้นหาตัวเอง แล้วผสมผสานไปกับการแต่งตัวให้ดูดีมีสไตล์ก็พอ - มั่นใจว่าใส่เสื้อผ้าของตัวเอง หมายความว่า ทั้งเสื้อ กางเกง และกระโปรง ควรเลือกให้พอดี ไม่หลวมหรือรัดจนเกินไปเหมือนกับว่าไปยืมคนอื่นเขามา อย่าลืมว่าเราอยู่ที่ทำงานยาวนานราว 8 ช.ม. ต่อวันเสื้อผ้าที่พอดีจะทำให้สบายและดูคล่องตัวได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ควรเลี่ยงเสื้อผ้าที่ดูเซ็กซี่ "เกินไป" - เลือกสีให้เหมาะ อย่างที่รู้กันว่าสีที่เป็นเทรดิชั่นนัลสไตล์ ได้แก่ ดำ น้ำเงิน และเทา บ่งบอกถึงความเรียบเก๋ ความน่าเชื่อถือ ยิ่งสำหรับสาวงบน้อย สีเหล่านี้สามารถแมตช์เข้ากับเสื้อผ้าสีอื่นได้หลากหลาย จริงๆ จะใส่สีสดใสบ้างก็ได้ แต่ควรดูกาละเทศะ ไม่ใช่ว่าวันประชุมกับผู้ใหญ่เลือกใส่ผ้าลายดอกดวงดูเลอะเทอะ อาจจะสวยเด่นจริง แต่เป็นความสวยที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาไปสักนิด - ประดับประดา จริงๆ การใส่เครื่องประดับก็เหมือนการเติมการแต่งตัวให้ครบขั้นตอน แต่หากเครื่องประดับมากเกินไป หรือชิ้นที่อู้ฟู่เกินพอดีก็จะดูรกหูรกตา เครื่องประดับที่เหมาะสมกับชุดทำงาน อาจเลือกที่ดูเรียบเท่ หรือหากชอบสีสันก็เลือกที่ดูเก๋ๆ สักเล็กน้อยก็พอ - กระเป๋าคู่กาย การเลือกกระเป๋าถือนอกจากจะดูที่สีสันให้เหมาะและแมตช์กับเสื้อผ้าหรือแอ็กเซสซอรี่ต่างๆ แล้ว รูปแบบหรือลวดลายของกระเป๋าก็ควรดูโปรฯ เช่นกัน สำหรับการมาทำงาน ควรเก็บกระเป๋าลายการ์ตูน หรือแบบพิมพ์ลายสีสันจัดจ้าน เอาไว้ใช้ในวันหยุดดีกว่า - Casual Friday หลายบริษัทอนุญาตให้พนักงานแต่งตัวสบายๆ ได้ในวันศุกร์ แต่ก็ไม่ควรลากแตะไปทำงาน หรือสบายกระทั่งใส่สายเดี่ยว หรือเสื้อคอผูก เกาะอก เพราะอย่างที่บอก ความสวยเมื่ออยู่ผิดที่ผิดเวลาก็สามารถกลายเป็นความไร้มารยาทได้เหมือนกัน Relax สาเหตุความเครียดของผู้หญิงทำงานส่วนใหญ่คือ ปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมงาน ตามมาด้วยการประชุมยิบประชุมย่อยจนไม่รู้จะเริ่มทำงานไหนก่อนดี ตามด้วยการต้องติดต่อกับผู้คนที่หลากหลายทั้งความคิดและหลายความต้องการ เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องรู้วิธีดีๆ ที่จะล้างพิษของความกดดันออกบ้าง - ถอย เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่รุมเร้ามากๆ ลองถอยออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน เพื่อลดความตึงเครียด จะวางมืองานชั่วครู่สัก 10-15 นาที ไปทำอย่างอื่น แล้วค่อยตั้งสติหาทางแก้ไข หรือเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จแล้วลาพักร้อนไปเลยก็ได้ - ฉวยโอกาสในช่วงวันหยุดให้คุ้มค่า เติมพลัง รีเฟรชทั้งร่างกายและจิตใจให้ฟื้นตื่นเต็มที่ อย่าแอบพกงานไปทำด้วยล่ะ - นอนหลับให้พอ ไม่ว่าจะยุคไหนคำกล่าวที่ว่า นอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ช.ม. ก็ยังคงเป็นอมตะ เพราะนี่คือความจริงที่จะช่วยให้ร่างกายพักผ่อนอย่างเพียงพอ พร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในแต่ละวัน - ดื่มน้ำมากๆ ไม่ใช่เพราะน้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูสภาวะร่างกาย และเพิ่มความสดชื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ - อย่าเก็บไว้ในใจคนเดียว การพูดคุยกับเพื่อนหรือคนสนิทที่ไว้ใจได้ ถือเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกได้ ใครจะรู้ว่าระหว่างการพูดหรือเล่า อาจเป็นการลำดับเหตุการณ์ให้เราได้คิด ทบทวน และพบกับหนทางแก้ไขอย่างคาดไม่ถึง แต่เลือกคนคุยด้วยหน่อยก็แล้วกัน ถ้าคุณผ่านโปรฯทุกข้อแล้วก็ขอแสดงความยินดีกับสาว Chic in the Office คนใหม่ด้วยค่ะ