
เวลาไปหาหมอสิ่งแรกที่เราจะต้องทำกันก็คือการชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง และการวัดความดันโลหิต ซึ่งการวัดความดันโลหิตถือเป็นข้อมูลที่สำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งที่แพทย์จะใช้ในการประเมินอาการผู้ป่วย การวินิจฉัยโรค และการติดตามผลการรักษาโรค แต่ทราบกันหรือไม่ว่าเราเองก็สามารถอ่านค่าความดันโลหิตได้ด้วยตนเองว่าค่าไหนปกติ แบบไหนเสี่ยงภาวะความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตคือค่าการบีบตัวของหัวใจ และดันเลือดจากหัวใจไปตามเส้นเลือดแดงเพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
โดยปกติเวลาวัดความดันโลหิตจะได้ตัวเลขออกมา 3 ตัว
1.SYS (Systolic Blood Pressure)เลขตัวบนคือค่าความดันขณะหัวใจบีบตัว หรือเรียกกันว่าค่าสูง ค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมคือ 90-119 mmHg
2.DIA (Diastolic Blood Pressure) เลขตัวกลางคือค่าความดันขณะหัวใจคลายตัว หรือเรียกกันว่าค่าต่ำ ความดันโลหิตที่เหมาะสมคือ 60-79 mmHg
3.PUL เลขตัวสุดท้ายคือชีพจรหรืออัตราการเต้นของหัวใจ
สำหรับค่าตัวเลขที่เราใช้ดูความดันโลหิตจะดูที่ค่าสูง (SYS) กับ ค่าต่ำ (DIA) โดยทั่วไปแล้ว ความดันโลหิตที่เหมาะสมของคนปกติจะต้องไม่เกิน 120/80 mmHg. ซึ่งก็คือค่าสูงไม่เกิน 120 ค่าต่ำไม่เกิน 80 (โดยควรวัดความดันหลังจากนั่งพักอย่างน้อย 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง รวมไปถึงหลังรับประทานอาหาร ดื่มกาแฟ สูบบุหรี่ หรือออกกำลังกาย) ซึ่งไม่ควรเกิน 140/90 mmHg.นอกจากนั้นควรลดลงขณะนั่งพัก หรือนอนหลับ หากมีการวัดความดันโลหิต 2 ครั้งแค่ยังเกินถือว่าเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง

สำหรับค่าความดันที่เริ่มส่อแววว่าคุณจะมีความดันโลหิตสูงก็คือค่าตัวเลขที่แดง สำหรับใครที่ไม่อยากเสี่ยงความดันโลหิตสูง หรือหากความดันโลหิตสูงอยู่แล้วสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การรับประทานอาหารได้ตามคำแนะนำเหล่านี้
การชะลอโรคความดันโลหิตสูงสามารถทำได้ด้วยการปรับวิถีชีวิตและการรักษาตัวที่บ้าน โดยแนวทางที่สำคัญมีดังนี้
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต