เช็กด่วน! กูรูเปิด 4 อาหารฮิต ยิ่งกินยิ่ง "มีกลิ่นตัว" ไม่ใช่แค่กระเทียม ผัก-เนื้อสัตว์ก็โดน!

เช็กด่วน! 4 อาหารยอดฮิต ยิ่งกินยิ่ง "ตัวเหม็น" ไม่ใช่แค่กระเทียม แต่ผัก-เนื้อสัตว์ก็โดน!

ช่วงนี้กระแสเรื่อง "กลิ่นตัว" กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของผู้สูงอายุ หรือกลิ่นตัวที่เปลี่ยนไปจากการใช้ยาบางชนิด แต่รู้หรือไม่ว่า "อาหาร" ที่เราทานเข้าไปทุกวัน ก็เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดกลิ่นกายของเราได้เช่นกัน

Erin Palinski-Wade นักโภชนาการชื่อดัง เผยกับ Fox News Digital ว่า กลิ่นตัวเกิดจากแบคทีเรียบนผิวหนังทำปฏิกิริยากับเหงื่อ ซึ่งอาหารบางชนิดจะส่งผลกระทบต่อกลิ่นนี้มากกว่าปกติ และนี่คือ 4 กลุ่มอาหารที่อาจทำให้คุณ "ตัวเหม็น" โดยไม่รู้ตัว!

1. ปลาและอาหารทะเล (Fish)

แน่นอนว่าอาหารทะเลมีกลิ่นคาวเฉพาะตัว แต่ในบางกรณี ร่างกายของเราอาจเปลี่ยนสาร "โคลีน" (Choline) ในอาหารทะเล ให้กลายเป็นสารประกอบที่มีกลิ่นคาวรุนแรงที่เรียกว่า ไตรเมทิลเอมีน (Trimethylamine) ซึ่งจะถูกขับออกมาทางลมหายใจและผิวหนัง

แม้ภาวะที่รุนแรงอย่าง Trimethylaminuria จะพบได้ยาก แต่การทานอาหารทะเล ถั่ว หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองในปริมาณมาก ก็อาจทำให้กลิ่นตัวเปลี่ยนไปได้ในบางคน

2. ผักตระกูลกะหล่ำ (Vegetables)

สายสุขภาพต้องระวัง! แม้ผักจะมีประโยชน์มหาศาล แต่ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี, กะหล่ำปลี, ดอกกะหล่ำ และกะหล่ำดาว มีกรดกำมะถัน (Sulfuric acid) สูง เมื่อทานเข้าไป ร่างกายจะขับกลิ่นกำมะถันออกมาผ่านทางเหงื่อและลมหายใจ ทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้นได้

3. เครื่องเทศ (Spices)

อาหารรสจัดจ้านที่ใส่เครื่องเทศหนักๆ โดยเฉพาะ แกงกะหรี่ และ ยี่หร่า มักมีสารระเหยง่ายที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และถูกขับออกมาทางต่อมเหงื่อ เมื่อทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียบนผิวหนัง จะทำให้เกิดกลิ่นตัวที่ฉุนและติดทนนาน

4. เนื้อแดง (Red Meat)

สายบุฟเฟต์ปิ้งย่างต้องฟัง! การทานเนื้อแดงในปริมาณมาก (เช่น เนื้อวัว, เนื้อแกะ) จะมีการปล่อยโปรตีนออกมาพร้อมกับเหงื่อ แม้ตัวโปรตีนจะไม่มีกลิ่น แต่เมื่อมันไปผสมกับแบคทีเรียบนผิวหนัง จะทำให้กลิ่นตัวทวีความรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน

วิธีกู้ "กลิ่นหอม" คืนสู่ร่างกาย

ข่าวดีคือ เราสามารถแก้เกมได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการดูแลตัวเอง ดังนี้:

1. ทานอาหารดับกลิ่น: แนะนำให้ทาน แอปเปิ้ล, ผักใบเขียว, โยเกิร์ต และชาเขียว ซึ่งมีส่วนช่วยลดแบคทีเรียในลำไส้และปรับสมดุลกลิ่นกาย
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยขับของเสียและเจือจางเหงื่อ
3. รักษาความสะอาด: อาบน้ำสม่ำเสมอ ใช้สบู่ยับยั้งแบคทีเรีย และสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
4. ลดเครียด-นอนให้พอ: สุขภาพระบบเผาผลาญที่ดี จะช่วยลดปัญหากลิ่นตัวได้

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กังวลเรื่องกลิ่นตัว ลองสังเกตอาหารที่ทานดูนะคะ ปรับนิดเปลี่ยนหน่อย เพื่อความมั่นใจที่มากขึ้น!

• เลี่ยงได้เลี่ยง! 4 มื้อเช้าที่ “ชวนป่วย” บำรุงเซลล์มะเร็งแบบเงียบๆ หลายคนกินไม่รู้ตัว
• หนุ่มรู้ตัวช้า มือบิดเบี้ยวเหมือน "แง่งขิง" ใช้งานไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะดื่ม 2 เครื่องดื่มมากไป!