จาม-ไอ-น้ำมูกไหลไม่หยุด อันตรายจากไรฝุ่นภายในบ้าน

จาม-ไอ-น้ำมูกไหลไม่หยุด อันตรายจากไรฝุ่นภายในบ้าน

จาม-ไอ-น้ำมูกไหลไม่หยุด อันตรายจากไรฝุ่นภายในบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนอ่านบทความนี้ลองถามตัวเองดูก่อนนะคะ ว่าครั้งสุดท้ายที่ทำความสะอาด ทั้งกวาด ทั้งถู ทั้งดูดฝุ่น ลึกเข้าไปถึงซอกใต้เตียง ใต้โซฟา รวมไปถึงการเช็ดหัวเตียง ขอบเตียง และซักผ้าปูที่นอน คือเมื่อไร หากตอบไม่ได้ หรือคำตอบที่ได้คือมากกว่า 1 เดือน คุณอาจกำลังเสี่ยงโรคภูมิแพ้ ที่ทำให้เกิดอาการจาม ไอ และน้ำมูกไหลตลอดเวลาจาก “ไรฝุ่น” ภายในบ้านได้

ไรฝุ่น มีทั้งแบบขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่า 10 ไมครอน) ที่ร่างกายของเราสามารถป้องกันได้จากขนจมูกที่ช่วยกรองเอาไรฝุ่นขนาดใหญ่ไม่ให้เข้าไปในระบบทางเดินหายใจ แต่สำหรับไรฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ที่ร่างกายของเราไม่สามารถกรองจากขนจมูกได้ อาจเข้าไปสะสมในส่วนต่างๆ ของระบบทางเดินหายใจ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

 

อันตรายจากไรฝุ่นภายในบ้าน

  1. ภูมิแพ้

อาการภูมิแพ้จริงๆ แล้วอาจเป็นโรคประจำตัวของใครหลายๆ คนที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก บางคนที่มีภูมิต้านทานดีอาจไม่เคยเป็นโรคภูมิแพ้ และไม่ได้มีความไวต่อไรฝุ่นมากนัก แต่การอยู่ท่ามกลางที่ๆ เต็มไปด้วยไรฝุ่นขนาดเล็ก อาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ หรือคล้ายภูมิแพ้ขึ้นได้ แม้คุณจะไม่ได้มีโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัวก็ตาม โดยอาการที่เกิดขึ้นอาจมีตั้งแต่ ไอ จาม มีน้ำมูก ตลอดจนเจ็บคอ ไอมีเสมหะ เป็นไข้ หรือไซนัสอักเสบได้

 

  1. ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ

อาจเริ่มตั้งแต่รู้สึกหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หายใจมีเสียงหวีดดัง อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจ จะมีความเสี่ยงในการเป็นหัวใจวายเพิ่มมากขึ้น เพราะหากมีอาการของโรคหลอดลมอักเสบ หรือปอดบวม จะทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้นไปด้วย

 

3 ปอดเป็นพังผืด

เมื่อไรฝุ่นเข้าไปสะสมอยู่ในปอดเป็นจำนวนมาก จนทำให้เนื้อเยื่อปอดเกิดอาการระคายเคืองเป็นระยะเวลายาวนาน และเกิดเป็นพังผืดในปอดแบบเรื้อรัง จะทำให้ปอดมีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง

 

  1. มะเร็งปอด

สุดท้ายแล้วอันตรายที่หลายคนไม่คาดคิด อาจเป็นเรื่องของโรคมะเร็ง ที่ไรฝุ่นเหล่านี้อาจทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดนฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีสารอันตรายบางอย่างปะปนมาด้วย เช่น ฝุ่นละอองจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือฝุ่นละอองจากท่อไอเสียรถยนต์ อาจทำให้เกิดการสะสมของสารอันตรายเหล่านั้นภายในปอด จนเกิดเป็นโรคมะเร็งปอดได้ หนำซ้ำหากสารอันตรายเหล่านั้นละลายน้ำได้ สารเหล่านั้นอาจแพร่ไปสู่อวัยวะใกล้เคียงจนอาจทำให้เป็นมะเร็งในอวัยวะส่วนอื่นได้ด้วยเช่นกัน

 

ต้องทำความสะอาดแค่ไหน ถึงจะกำจัดไรฝุ่นได้?

ไรฝุ่นที่เป็นแมลง 8 ขา จะอาศัยอยู่ตามบริเวณที่มีความอบอุ่น และชุ่มชื้น และอาหารที่สำคัญของไรฝุ่นยังเป็นสะเก็ดผิวหนังมนุษย์ ดังนั้นเราจึงพบไรฝุ่นตามที่นอน ผ้าห่ม หมอน มุ้ง พรม ผ้าม่าน โซฟา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และสามารถมีอายุได้นานถึง 2 เดือน

หากต้องการทำความสะอาดเพื่อกำจัดไรฝุ่นให้ได้มากที่สุด สามารถทำได้โดย

  1. ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ม่าน พรม ฯลฯ ด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า 55 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที ทุกๆ 1-2 สัปดาห์

  2. ใช้เครื่องดูดฝุ่น หรือหลังจากกวาดบ้านแล้ว ให้ถูบ้านตามทุกครั้ง

  3. หากหลีกเลี่ยงการมีพรมในบ้านได้ ให้หลีกเลี่ยง เนื่องจากพรมจะเป็นตัวการสำคัญที่เก็บสะสมไรฝุ่นได้ดี และเราอาจไม่สะดวกในการยกพรมบนพื้นมาทำความสะอาดได้บ่อยๆ

  4. เช็ดทำความสะอาดไม่ให้มีฝุ่นเกาะบริเวณเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น หัวเตียง ขอบตู้ บนโต๊ะ ชั้นวางของ ฯลฯ

  5. นำที่นอน และหมอนมาตากแดดอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง จะช่วยกำจัดไรฝุ่นไปได้เช่นกัน

  6. อย่าลืมหมอนใบเล็ก และตุ๊กตา ที่ต้องนำมาซักทำความสะอาด หรือตากแดดด้วย

 

ทั้งนี้ เครื่องฟอกอากาศ อาจเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนสนใจ มีประสิทธิภาพในการช่วยกรองอากาศเอาฝุ่นละอองออกไปจากห้องได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน  และหากใครที่มีอากาศภูมิแพ้และสนใจเครื่องฟอกอากาศเพื่อหวังจะช่วยลดอาการภูมิแพ้ ขอแนะนำให้เริ่มต้นที่การทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะห้องที่ต้องใช้ชีวิตอยู่นานๆ อย่างห้องนอน และห้องนั่งเล่นตามวิธีด้านบน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ทานผักผลไม้ให้มากขึ้น และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ดีขึ้นกว่าเครื่องฟอกอากาศแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook