4 อาหารคลีน มีประโยชน์ แต่เสี่ยงอันตราย

4 อาหารคลีน มีประโยชน์ แต่เสี่ยงอันตราย

4 อาหารคลีน มีประโยชน์ แต่เสี่ยงอันตราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระแสการทานอาหารคลีนยังคงมีมาให้เราเลือกทานกันอยู่เรื่อยๆ แถมยังมีหลากหลายเมนูสร้างสรรค์มากขึ้นอีกด้วย ทำให้ผู้ที่ทานอาหารคลีนไม่รู้สึกเบื่อ หรือรู้สึกว่าต้องทานแต่อาหารเดิมๆ ซ้ำซากจำเจอย่างเดียว แต่ก็มีอาหารคลีนบางอย่างที่ประโยชน์ดีๆ กลับมาพร้อมกับโทษอันตรายโดยที่เราไม่รู้ตัว

 

อาหารคลีน มีประโยชน์ แต่เสี่ยงอันตราย

  1. สลัดผัก

สำหรับคนที่รักการทานอาหารคลีนเป็นชีวิตจิตใจ แต่มีเวลาน้อย อาจจะซื้อสลัดผักทานจากร้านอาหารข้างนอกมากกว่าจะซื้อผักมาล้างทำความสะอาด และหั่นทานเอง เพราะนอกจากจะสะดวกกว่าแล้ว การทานสลัดผักเป็นกล่องๆ ถุงๆ ให้หมดไปเป็นครั้งๆ ก็จะทำให้ไม่เหลือผักจำนวนมากค้างไว้ในตู้เย็นจนเน่าเสีย แต่สลัดผักแฝงอันตรายจากผักสดที่ผู้ผลิตอาจล้างไม่สะอาดเพียงพอ อาจพบสารเคมีตกค้างจากยาฆ่าแมลง สารตกค้างจากปุ๋ยคอกที่มากับมูลสัตว์ ที่อาจก่อให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย รวมไปถึงผักที่หั่นทิ้งเอาไว้นาน จนเกิดน้ำขุ่นๆ ที่ก้นถุง ก้นกล่อง หรือก้นถาดในสลัดบาร์ อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อซาลโมเนลลา ที่ทำให้เรามีอาการท้องเสีย อุจจาระร่วงได้เช่นกัน

 

ทานสลัดอย่างไรให้ปลอดภัย

เลือกซื้อผักจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ล้างผักให้สะอาดก่อนหั่นทานสดๆ เป็นครั้งๆ มื้อๆ ไป โดยล้างผ่านน้ำก๊อกนาน 2 นาที ถ้ามีส่วนที่เป็นใบให้เด็ดใบออกมาล้างน้ำทีละใบ สามารถล้าง หรือแช่ในน้ำเปล่าผสมน้ำเกลือ หรือน้ำส้มสายชูได้ (แช่เอาไว้ 10-15 นาที ก่อนนำมาล้างน้ำเปล่าอีกครั้ง) และหากสามารถเลี่ยงไปทานผักที่ปรุงสุกได้ ก็จะช่วยลดอันตรายที่เกิดจากผักสดได้มากยิ่งขึ้น

 

  1. เมล็ดเจีย

ยังคงเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่หลายคนพยายามหามาทานกันบ่อยๆ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อต่อร่างกายมากมาย ทั้งกรดไขมันดี โอเมก้า-3 โอเมก้า-6 แคลเซียม สารต้านอนุมูลอิสระโปรตีน และกากใยอาหารที่ทำให้เราขับถ่ายคล่อง แต่เมล็ดเจียไม่ได้เหมาะกับทุกคน

เมล็ดเจียไม่เหมาะกับบุคคลเหล่านี้

- ผู้ที่มีปัญหาในระบบกระเพาะอาหาร และลำไส้ เพราะเมล็ดเจียจะไปเร่งให้ตับอ่อนผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น

- คนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือทานยาแอสไพริน เพราะเมล็ดเจียอาจทำให้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวช้า หรือเลือดไหลไม่หยุดได้

- หญิงตั้งครรภ์ เพราะจะส่งผลให้สารอาหารในน้ำนมเปลี่ยนไป

- ผู้ชายที่มีปัญหาที่ต่อมลูกหมาก เพราะอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก

- ผู้ที่ทานวิตามินบี 17 เป็นอาหารเสริม เพราะจะยิ่งเพิ่มปริมาณวิตามินชนิดนี้ในร่างกายมากเกินไป จนกลายเป็นสารพิษ และเป็นมะเร็งในที่สุด

ทานเมล็ดเจียอย่างไรให้ปลอดภัย

ผู้ที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นควรหลีกเลี่ยงการทานเมล็ดเจีย ส่วนผู้ที่มีร่างกายปกติสมบูรณ์แข็งแรงดี ไม่ควรทานเมล็ดเจียมากเกินไป หรือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป เพราะร่างกายอาจเกิดการเสพติดได้ โดยอาจจะทานเมล็ดเจียในบางมื้ออาหาร 2-3 อาทิตย์ต่อมื้อ เท่านั้นก็เพียงพอ

 

  1. ผลไม้รสเปรี้ยว

ใครที่ทานอาหารคลีนก็คงจะเลือกทานผักผลไม้มากขึ้นเป็นธรรมดา แต่ถ้าทานผลไม้รสเปรี้ยว ที่เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมากเกินไป เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง จนทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีมากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวัน อาจทำให้เสี่ยงโรคนิ่วในไตได้ นอกจากนี้หากร่างกายได้รับวิตามินซีมากกว่า 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ยังส่งผลเสียต่อระบบขับถ่ายได้อีกด้วย

ทานผลไม้รสเปรี้ยวอย่างไรให้ปลอดภัย

เลือกทานในจำนวนที่พอเหมาะ ไม่ทานมากจนเกินไป เช่น ส้มไม่ควรทานเกินวันละ 3 ผล นอกจากนี้เราควรเลือกทานผลไม้ให้หลากหลาย เพื่อให้ได้ทั้งรสชาติ และสารอาหารที่หลากหลายตามไปด้วย

 

  1. กราโนล่า

ไม่ใช่ว่ากราโนล่ามีอันตรายอะไรร้ายแรง แต่เพราะกราโนล่าเป็นอาหารของใครหลายๆ คนที่อยากผอม จึงเลือกทานกราโนล่าในหลายๆ มื้อ และอาจเผลอทานจำนวนมาก (ต่อหนึ่งมื้อ) ด้วยเพราะคิดว่ากราโนล่าไม่ทำให้อ้วน แต่อันที่จริงแล้วกราโนล่าทำมาจากข้าวโอ๊ต บวกธัญพืชอื่นๆ ที่ถึงแม้จะมีประโยชน์ แต่ก็เป็นอาหารที่ให้พลังงานอยู่ดี แถมยังเป็นอาหารที่ทานเพียงปริมาณน้อยๆ แต่ให้พลังงานสูงอีกด้วย กราโนล่าราวๆ 40-50 กรัม จะมีคาร์โบไฮเดรตราวๆ 25 กรัม และสารอาหารอื่นๆ เช่น ไขมัน 10 กรัม และโปรตีนอีก 5 กรัม ซึ่งทั้งหมดนี้ให้พลังงานใกล้เคียงกับข้าวหุงสุก 1 จาน (100 กรัม) เลยทีเดียว

ทานกราโนล่าอย่างไรให้ปลอดภัย

ควรจำกัดปริมาณในการทานกราโนล่าให้เหมาะสม ทานพออิ่ม ไม่ทานเยอะจนเกินไป เลือกชนิดของกราโนล่าที่ใส่แต่ธัญพืชที่ดีมีประโยชน์ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่ผสมน้ำตาลมากเกินไป จะช่วยให้ควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น และควรเลือกทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ทานแต่กราโนล่าเพียงอย่างเดียว

 

จะเห็นได้ว่าอาหารดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และผู้คนนิยมทานกันมากทั้งสิ้น แต่ไม่ว่าอาหารเหล่านั้นจะมีประโยชน์มากแค่ไหนก็ตาม เราควรเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งนานจนเกินไป เพราะต่อให้มีประโยชน์มากแค่ไหน ก็ให้โทษกับร่างกายเราได้อยู่ดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook