กู้เงิน...เพื่อซื้อบ้าน

กู้เงิน...เพื่อซื้อบ้าน

กู้เงิน...เพื่อซื้อบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Money Money
เรื่อง : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ / ภาพ : (เด็กหญิงรถลาก) วาลุกา เอมเอก

 

ทำงานมาตั้งหลายปี ตำแหน่งหน้าที่การงานก็เริ่มขยับขึ้น และพอมีเงินเก็บแบบชนิดที่เรียกว่ายิ้มได้แล้ว ในปีนี้ตั้งใจไว้ว่าจะซื้อบ้านหลังเล็กๆ สักหลังให้พ่อและแม่ หากจะซื้อเงินสด นอกจากจะเสียดายเงินเก็บก้อนโตแล้ว เงินที่มีก็ยังไม่พออีกอย่างนั้น คงต้องเลือกการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านกับสถาบันการเงินสักแห่ง แต่ว่าจะเตรียมตัวอย่างไรแล้วจะผ่านการพิจารณาหรือเปล่า ต้องไปศึกษารายละเอียดแล้วล่ะ


‘เงินออม' กับการกู้เงินซื้อบ้าน
ความมุ่งมั่นที่มาพร้อมกับการ ‘ตั้งใจ' ที่จะซื้อบ้านหรือห้องชุด นั่นก็คือ ‘เงินออม' เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อบ้าน ก่อนอื่นต้องทุบกระปุกเลยว่ามีเงินออมเท่าไหร่ เพราะเป็นเงินก้อนหมุนเวียนในเรื่องรายจ่ายอื่นๆ ขอแนะนำว่า ต้องมีเงินออมอย่างน้อย 15-30% นั่นเป็นเพราะบางธนาคารต้องใช้เงินดาวน์ในการประกอบการพิจารณาวงเงินกู้ของราคาบ้าน ซึ่งก็จะมีเปอร์เซ็นต์แตกต่างกันออกไป

 

 

เท่ากับว่า คุณต้องรู้ราคาบ้านล่วงหน้า และรู้ว่าเงินออมของคุณพอที่จะดาวน์บ้านหรือจ่ายค่าอื่นๆ ก่อนที่จะได้เงินกู้หรือเปล่า เพราะยังต้องมีรายจ่ายที่ต้องจ่ายตามมาอีกมากมายให้หูตาตั้งได้อีกยก

เท่านั้นไม่พอ หากเป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ ก็ควรมีอีกกระปุกไว้เป็นค่าตกแต่งภายใน ภายนอก และอื่นๆ อีกมากมายด้วย หากจะซื้อเป็นแค่ห้องชุดก็เบาใจไปหน่อย เพราะหลายโครงการก็มีการตกแต่งภายในเรียบร้อยให้พร้อมอยู่

โดยหลายๆ โครงการมักมีโฆษณาว่ากู้ได้ 100% ผ่อน 5,000 บาท/เดือน ซึ่งความหมายว่าผ่อนดาวน์ 5,000 บาทต่อเดือนนั่นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่า ผ่อนตัวบ้านพร้อมดอกเบี้ย 5,000 บาท ไปตลอดอายุสัญญากู้ หากผ่อนดาวน์จนครบเงินดาวน์ คุณจะต้องดำเนินการขอกู้เงินกับสถาบันการเงินอีกซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เมื่อคุณกู้ผ่าน มักจะต้องผ่อนชำระต่อเดือนมากกว่า 5,000 บาทอย่างแน่นอน (คำนวณจากราคาซื้อ 1 ล้านบาทขึ้นไป)

 


‘รายได้' กับการกู้เงินซื้อบ้าน
เราทดเงินออมไว้ในใจ แล้วมาคิดประเมินต่อในเรื่องของ ‘รายได้สุทธิ' กันดีกว่า หากคุณเลือกโครงการบ้านที่เชื่อมต่อกับธนาคารนั้นๆ แล้ว อาจกู้ได้ถึง 100% ก็จริง แต่ก็ต้องดูอีกล่ะว่ารายได้สุทธิของคุณ ทางธนาคารนั้นๆ จะให้คุณกู้ได้วงเงินเท่าไหร่ แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีเงินในบัญชีเงินฝากเคลื่อนไหวต่อเนื่องเป็นอย่างดี และออมมาหลายปี เปอร์เซ็นต์ของความน่าเชื่อถือที่จะสามารถกู้เงินได้ก็เพิ่มมากขึ้น อีกอย่าง  หากคุณเป็นคนที่มีรายได้หลายทาง ธนาคารจะสามารถประเมินอัตราวงเงินการกู้ให้คุณได้มากขึ้นตามลำดับอีกด้วย

ชี้ชัดๆ ลงไปก็คือ พนักงานบริษัทอย่างเราๆ ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 15,000-20,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่รวมค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยเลี้ยง โบนัส ค่าครอง-ชีพ หรือค่าแรงล่วงเวลา เพราะถือว่าเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน

 

‘อัตราดอกเบี้ย' กับ ‘ระยะเวลา' ของการกู้เงิน
เมื่อรู้แล้วว่า เราจะสามารถกู้เงินมาซื้อบ้านได้ บ้านหลังน้อยๆ ของเรา กำลังจะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้า เรามาทำความรู้จักกับ ‘ดอกเบี้ย' กันหน่อยดีกว่า เพราะอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้มันขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณคิดจะกู้นั่นเอง โดยทั่วไปจะสามารถกำหนดการผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 5-30 ปี หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับรายได้และอายุของคุณ บางธนาคารก็มีโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ย 0% ติดมากับโครงการบ้าน หรือบางธนาคารอาจมากกว่านั้น ซึ่งก่อนที่จะกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคารไหนให้เลือกสถาบันการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด จะได้ประหยัดค่าผ่อนชำระอีกทาง แต่อย่าลืมว่า ยิ่งจำนวนงวดผ่อนมากเท่าไหร่ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มตามไปด้วย

 

‘อายุของผู้กู้' กับระยะเวลาการผ่อนชำระ
เรื่องอายุนี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของการประเมินขอวงเงินกู้เมื่อรวมอายุผู้กู้และจำนวนงวดชำระ จะต้องไม่เกิน 60-75 ปี(แล้วแต่เกณฑ์การประเมินของแต่ละสถาบันการเงิน) ซึ่งนั่นหมายความว่า วัยทำงานอย่างเราๆ มีสิทธิ์กู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายกว่าและอาจจะได้ระยะเวลาการผ่อนที่ยาวมากกว่าคนที่มีอายุมากๆเพราะทางสถาบันการเงินจะประเมินอายุกับระยะเวลาการผ่อนชำระให้สอดคล้องกัน

‘ประเมินหนี้สิน' และ ‘การมีเครดิต'
จากนี้คุณคงน่าจะสามารถคำนวณคร่าวๆ ได้แล้วว่าตัวคุณมีความพร้อมในเรื่องทางการเงินที่จะหาบ้านสักหลังหรือเปล่าแล้วก็พอที่จะประเมินได้ว่า จะผ่านการประเมินพิจารณาเรื่องการขอกู้เงินซื้อบ้านจากสถาบันการเงินหรือเปล่า

หัวข้อท้ายสุดนี้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สถาบันการเงินจะนำมาพิจารณา และตัวคุณเองก็ห้ามลืมเด็ดขาด นั่นก็คือ ‘หนี้สินอื่นๆ' ที่คุณต้องชำระ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต การผ่อนชำระรายจ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของ ‘บัตรเครดิต' หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีบัตรเครดิต แล้วมีการใช้จ่ายประจำทุกเดือน แถมชำระเงินตรงตามเวลาอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกค้าชั้นดี แสดงให้เห็นว่า คุณมีความรับผิดชอบในเรื่องของการชำระเงินได้อย่างดี สถาบันการเงินก็จะพิจารณาได้ง่ายขึ้นซึ่งหากเปรียบเทียบกับคนที่ไม่มีบัตรเครดิตแล้ว ผู้ที่ไม่ได้ทำบัตรเครดิตอาจจะขอกู้ได้ยากกว่าคนที่มีบัตรเครดิตด้วยซ้ำ

แต่ในขณะเดียวกัน หากคุณมีหนี้สินที่ต้องชำระมากพอสมควรอยู่แล้ว คุณเองก็ต้องประเมินตัวคุณแล้วว่า จะสามารถรับภาระทางการเงินได้อีกหรือเปล่า และหากคุณยังชำระเครดิตไม่ตรงเวลาอีก คุณเองอาจจะไม่ผ่านการประเมินของสถาบันการเงินนั้นๆ อีกด้วย

บ้านน้อยๆ ของคุณกำลังจะก่อร่างสร้างเป็นหลังในไม่ช้าหลังจากที่คุณผ่านการประเมินจากสถาบันการเงินแล้วรายจ่ายอื่นๆ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็จะตามมา ซึ่งตัวคุณเองต้องอาศัยเงินออมของคุณและครอบครัวบางส่วนมาชำระรายจ่ายตรงนี้ ต่อจากนี้ก็ผ่อนชำระไปเรื่อยๆ ให้ตรงตามเวลา อาศัยการแบ่งรายรับ-รายจ่ายให้เหมาะสม เห็นอย่างนี้แล้ว ‘การออมเงิน' เป็นเรื่องสำคัญ ที่วัยทำงานอย่างเรามองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด รู้อย่างนี้แล้ว ต้องเริ่มออมเงินแล้วล่ะค่ะ หากคิดอยากจะมีบ้านสักหลัง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook