“แปรงแต่งหน้า” ใช้ถูกชีวิตเปลี่ยน!

สำหรับผู้หญิงเรานอกจากรองพื้น ลิปสติก และที่ทาแก้มแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ในการเนรมิตรความงามก็คือ “แปรง” ซึ่งเดี๋ยวนี้มีออกมาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละส่วนบนใบหน้ากันแล้วนะคะ ไม่ใช่อะไรก็ตะพึดตะพือใช้อยู่อันเดียว เพราะนอกจากจะดูไม่โปรแล้ว ยังทำให้แต่งหน้าออกมาไม่สวยด้วย เพราะแต่ละส่วนของใบหน้าต่างก็มีขนาดและองศาที่จะต้องแต่งแต้มต่างกัน อย่างแก้มหากจะใช้แปรงเล็กๆ เกลี่ย วันทั้งวันก็คงจะยังไม่เสร็จ ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับแปรงที่ใช้กับแต่ละส่วนบนใบหน้าเพื่อที่จะได้ใช้อย่างถูกต้องกันดีกว่าค่ะ
เริ่มจากส่วนที่ใหญ่ที่สุดนั่นก็คือใบหน้าโดยรวมกันก่อน และสเต็ปแรกในการแต่งหน้าที่สาวๆ มักจะใช้กันก็คือการรองพื้น และเพื่อให้การรองพื้นดูเรียบเนียนไร้ที่ติ ก็ควรใช้คู่กับ “แปรงทารองพื้น” ซึ่งแปรงแบบนี้จะมีลักษณะแบน และโค้งมน เพื่อให้สามารถเกลี่ยรองพื้นได้ทุกส่วนของใบหน้าได้อย่างเนียนที่สุด

หลังจากรองพื้นด้วยแปรงแล้ว หากต้องการปกปิดรอยสิว หรือกระ ให้เรียบเนียนยิ่งขึ้นต้องใช้คอนซีลเลอร์ และเพื่อให้การปกปิดดูเนี้ยบถึงขั้นสุดควรใช้คู่กับ “แปรงคอนซีลเลอร์” ซึ่งแปรงแบบนี้จะมีลักษณะหัวมนขนาดเล็กเพื่อแต้มร่องรอยที่อยากปกปิดอย่างสิว และกระได้ง่าย

เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วทีนี้ก็ถึงเวลาลงแป้งบนผิวหน้า และเพื่อให้การลงแป้งดูเนียนสวยเท่ากัน แนะนำให้ใช้ “แปรงปัดแป้ง” มากกว่าฟองน้ำ เพราะนอกจากจะกระจายเนื้อแป้งได้เท่ากันแล้ว ยังไม่เป็นที่สะสมของแบคทีเรียมากเท่ากับฟองน้ำด้วย วิธีใช้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงปัดที่เนื้อแป้งแล้วเคาะเนื้อแป้งส่วนเกินออกแล้วแปรงวนๆ ทั่วใบหน้า เท่านี้เนื้อแป้งก็กระจายทั่วใบหน้าอย่างเนียนสวยแล้วค่ะ

ลงแป้งเสร็จสรรพแล้วก็ถึงเวลาแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าทีละส่วนกันแล้วล่ะค่ะ อันดับแรกคงหนีไม่พ้นการลงสีตาด้วยอายแชโดว์ โดยปกติแล้วเพื่อให้ได้สีที่สวยเสมอกัน และเรียบเนียนโค้งตามรูปตา จะใช้ “แปรงปัดอายแชโดว์” ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบฟองน้ำ และแบบขน แต่ถ้าจะให้ดี ให้เริ่ดจริงๆ ขอแนะนำให้ใช้แบบขนค่ะ เพราะทนทานและคุมความเข้มของสีได้ดีกว่าแบบฟองน้ำเยอะเลย

ดวงตาดูมีประกายสีสันจากอายแชโดว์เรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากให้ดวงตาดูสวย มีมิติมากยิ่งขึ้น ก็ต้องใช้การคัดเบ้าช่วยค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็มีแปรงคัดเบ้าเพื่อให้คุณสาวๆ เน้นสีที่เบ้าตาได้ง่ายขึ้น โดยแปรงคัดเบ้าจะมีขนาดพอกับแปรงอายแชโดว์ ต่างกันตรงรูปทรงของขนแปรง ซึ่งแปรงคัดเบ้าขนแปรงจะรวมกันเป็นพุ่ม ขณะที่แปรงอายแชโดว์จะบางและเรียงกันเป็นแนวนอนค่ะ

หลังจากคัดเบ้าแล้วหากอยากให้ตาดูโดดเด่น มีเสน่ห์ ก็ต้องกรีดอายไลน์เนอร์กันสักนิด โดยแปรงสำหรับกรีดอายไลน์เนอร์มีลักษณะเฉียง หัวตัด เพื่อให้จุ่มลงไปในอายไลน์เนอร์ทั้งแบบเนื้อเจล เนื้อฝุ่น หรือแบบเหลวได้สะดวก และด้วยความพิเศษของแปรงอายไลน์เนอร์ที่มีขนแปรงหนา จึงช่วยทำให้ได้เส้นที่คมชัด และอ่อนโยนต่อผิวรอบดวงตามากกว่าอายไลน์เนอร์แบบดินสอที่ต้องใช้แรงกดลงบนผิวรอบดวงตามาก แถมยังควบคุมความคมชัดได้ไม่ดีด้วยค่ะ

เนรมิตเปลือกตาให้มีสีสันสวยงามแล้ว ก็มาต่อกันที่แก้มกันเลยดีกว่า สิ่งที่จะเนรมิตให้แก้มมีสีระเรื่ออมชมพูได้สวยงามคือ “แปรงปัดแก้ม” ทั้งนี้ “แปรงปัดแก้ม” แตกต่างจาก “แปรงปัดแป้ง” ที่เราใช้เกลี่ยแป้งให้ทั่วใบหน้าก็คือ “แปรงปัดแก้ม” มีขนแปรงบางกว่า ทำให้เวลาปัดสี จะได้สีกำลังดี ไม่จัดจนเกินไปค่ะ

และสิ่งสุดท้ายที่เราจะมาแต่งแต้มสีสันเพื่อให้ได้ความงามที่สมบูรณ์แบบคือ ริมฝีปาก และเพื่อให้ดูเป็นมือโปร ทาออกมาได้สวยงาม สีเนียนเรียบเท่ากัน ก็ต้องใช้ “แปรงทาลิปสติก” มีลักษณะพิเศษกว่าแปรงชนิดอื่นตรงที่บาง ยาว ค่อนข้างแน่นแต่ก็ยังสามารถงอได้อยู่ค่ะ

ได้รู้ถึงการใช้แปรงแต่ละประเภทแล้ว สาวๆ อย่าลืมใช้ให้ถูกประเภทกันด้วยนะคะ ได้ได้เนรมิตรความงามกันได้ถึงขีดสุด แถมประหยัดเวลาในการแต่งหน้าด้วยค่ะ
Credit thumbnail Picture : www.tsgclub.net
ติดตามทุกเทรนด์ก่อนใครและอัพเดทข่าวชิคๆ
ได้ที่ www.chicministry.com, Facebook Fanpage : facebook.com/chicministry
Twitter : twitter.com/ChicMinistry, IG : instagram.com/chicministryofficial, Line ID : chicministryofficial
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี



