แค่แก้วเดียว! ชาขิงน้ำผึ้งมะนาว ช่วยลดอักเสบ-ผิวสวย-ระบบย่อยดี แต่ใครบ้างต้องเลี่ยง?

ชาขิงน้ำผึ้งมะนาวช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถดื่มได้
สรรพคุณของชาขิงน้ำผึ้งมะนาว
หนังสือพิมพ์ Health & Life อ้างอิงหน้า THS ที่กล่าวว่าต่อไปนี้คือประโยชน์ชาขิงน้ำผึ้งมะนาวต่อสุขภาพ
1. ดีต่อสุขภาพระบบย่อยอาหาร
ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการไม่สบายทางเดินอาหาร ลดอาการคลื่นไส้ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี (ช่วยในการย่อยอาหาร ลดแก๊สและอาการท้องอืด)
น้ำมะนาวช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหารและส่งเสริมระดับ pH ที่สมดุลในกระเพาะอาหาร น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก ช่วยบำรุงแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ช่วยรักษาจุลินทรีย์ที่ดีให้คงอยู่
การรวมขิง มะนาว และน้ำผึ้งเข้าไปในอาหารจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและมีสุขภาพดี
2. ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี
ประโยชน์ของชาขิงน้ำผึ้งมะนาว นั้นครอบคลุมมากกว่าแค่สุขภาพภายใน แต่ยังรวมถึงการดูแลผิวอีกด้วย มะนาวเป็นแหล่งธรรมชาติของกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) ซึ่งช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นและรอยด่างดำ คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของมะนาวสามารถต่อต้านสัญญาณแห่งวัย ช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดี สารต้านอนุมูลอิสระในขิงช่วยปกป้องผิวจากความเสียหาย น้ำผึ้งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ดึงความชุ่มชื้นสู่ผิวและทำให้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นเยี่ยม
เมื่อนำมาใช้ร่วมกันแล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงสุขภาพและรูปลักษณ์ของผิวของคุณ ช่วยให้คุณมีสุขภาพดีจากภายในและสวยงามจากภายนอก
3. สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ชาขิงน้ำผึ้งมะนาว เป็นส่วนผสมที่รู้จักกันดีว่ามีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนผสมเหล่านี้สามารถลดความรุนแรงของโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้
เลมอนอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต่อสู้กับการติดเชื้อ น้ำผึ้ง โดยเฉพาะน้ำผึ้งดิบ ขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยระงับอาการไอตามธรรมชาติ ส่วนผสมเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะกลายเป็นส่วนผสมทรงพลัง 3 ชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
4. เพิ่มพลังงาน
ความกดดันจากชีวิตและการทำงานบางครั้งทำให้คุณขาดพลังงานและเหนื่อยล้า การผสมขิง มะนาว และน้ำผึ้งเข้าด้วยกันสามารถให้พลังงานจากธรรมชาติได้
ขิงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้ออกซิเจนและสารอาหารไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มะนาวช่วยล้างพิษ ขณะที่น้ำผึ้งเป็นแหล่งพลังงานธรรมชาติ เป็นแหล่งพลังงานอย่างรวดเร็วด้วยน้ำตาลธรรมชาติ
ไม่ว่าจะดื่มเป็นชา (ชาอุ่น) หรือเป็นส่วนหนึ่งของสมูทตี้ สมุนไพรทั้งสามชนิดนี้ก็สามารถช่วยคลายความง่วงและเติมพลังให้คุณสำหรับวันใหม่ข้างหน้าได้
5. ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
ด้วยสารประกอบออกฤทธิ์อย่างจิงเจอรอลและโชกาออลในขิง และวิตามินซีในมะนาว จึงสามารถต่อสู้กับภาวะเครียดออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการอักเสบได้ น้ำผึ้งยังมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดการอักเสบในบางสภาวะ การใช้น้ำผึ้งผสมนี้เป็นประจำสามารถช่วยลดอาการอักเสบเรื้อรัง และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
ผู้ที่ไม่ควรดื่มชาขิงน้ำผึ้งมะนาว
หนังสือพิมพ์ Health & Life อ้างคำพูดของ ดร.เหงียน ฮา ที่ว่า แม้ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถดื่มมันได้
1. ทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
นี่คือกลุ่มคนที่ไม่ควรใช้น้ำผึ้งโดยเด็ดขาด น้ำผึ้งอาจมีสปอร์ของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งทำให้เกิดโรคโบทูลิซึมในทารก ระบบย่อยอาหารของเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปียังไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะทำลายสปอร์เหล่านี้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อระบบประสาท ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
2. ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือน้ำตาลในเลือดสูง
น้ำผึ้งมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลฟรุกโตสและกลูโคส แม้ว่าจะมีดัชนีน้ำตาล (GI) ต่ำกว่าน้ำตาลทรายขาว แต่การบริโภคน้ำผึ้งก็อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่กำลังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดควรจำกัดปริมาณหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้น้ำผึ้ง มะนาว และขิง เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดไม่คงที่
3. ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร
ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงมะนาว เพราะมีกรดซิตริก ซึ่งสามารถกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารอยู่แล้ว โดยเฉพาะแผลในกระเพาะอาหาร การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งและขิงอาจทำให้แผลในกระเพาะอาหารแย่ลง ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก กรดไหลย้อน และอาการปวด
4. ผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูง มีแผลในปาก ท้องผูก
ขิงมีสรรพคุณอุ่น หากใช้มากเกินไปอาจทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น แผลในปาก ท้องผูก หรือร่างกายแสดงอาการ "ร้อนใน" มากขึ้น
5. ผู้ที่มีปัญหาเรื่องเลือดและความดันโลหิตควรระวังการดื่มน้ำผึ้ง มะนาว และขิง
ภาวะเลือดออกผิดปกติหรือการรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด: ขิงมีคุณสมบัติในการทำให้เลือดบางลง การใช้ขิงร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น เฮปาริน วาร์ฟาริน) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออกมากเกินปกติ
6. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจ
แม้ว่างานวิจัยบางชิ้นจะแสดงให้เห็นว่าขิงสามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ แต่หากใช้ในทางที่ผิดหรือใช้ในกรณีที่รุนแรง ความร้อนของขิงก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแดงแตก ซึ่งนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้ ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงควรระมัดระวังและปรึกษาแพทย์
7. ผู้ที่มีประวัติเลือดออก (เลือดกำเดาไหล เลือดออกภายใน) : ความอุ่นของขิงสามารถเพิ่มการเลือดออกได้ ดังนั้นควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
สูตรทำชาขิงน้ำผึ้งมะนาว ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน
หนังสือพิมพ์ลาวดงอ้างคำพูดของ Food.NDTV ว่าในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล ผู้คนจำนวนมากจะเจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเสริมสารอาหารเพื่อให้สุขภาพของเราดีขึ้น
นอกจากอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ผู้คนยังดื่มชาผสมน้ำผึ้ง มะนาว และขิง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
ในการทำชาขิงน้ำผึ้งมะนาว เราจะต้องเตรียมสิ่งต่อไปนี้:
- น้ำ
- ขิงหั่น 1 ช้อนชา
- ใบชา 1 ช้อนชา
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
วิธีทำชาขิงน้ำผึ้งมะนาว:
- ขั้นตอนที่ 1: ใส่น้ำลงในหม้อแล้วให้ความร้อน
- ขั้นตอนที่ 2: เมื่อน้ำเกือบเดือด ให้ใส่ขิงหั่นบาง ๆ ลงในหม้อ
- ขั้นตอนที่ 3: เมื่อน้ำเดือด ใส่ใบชา น้ำมะนาว และน้ำผึ้ง แล้วเคี่ยวประมาณ 10 นาที
- ขั้นตอนที่ 4: หลังจากเดือดแล้ว รอให้น้ำเย็นลง จากนั้นกรองใส่ถ้วยแล้วเพลิดเพลินได้เลย
ด้วยส่วนผสมทั่วไปที่หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง และขั้นตอนง่ายๆ 4 ขั้นตอน เราจึงได้ชงชาผสมน้ำผึ้ง มะนาว และขิงสำหรับตัวเราเองและครอบครัว เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายในช่วงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง
อ่านเพิ่มเติม:
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี