เช็กเลย “ต้นไม้ที่ดึงดูดงู” ปลูกต้นไม้แบบไหนเรียกงูเข้าบ้าน!

ไม่ใช่แค่สายพันธุ์ "ต้นไม้ที่ดึงดูดงู" คือสภาพแวดล้อมที่รกทึบ แหล่งหลบซ่อน และแหล่งอาหาร
เมื่อพูดถึง "ต้นไม้ที่ดึงดูดงู" หลายคนอาจนึกถึงต้นไม้สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งโดยเฉพาะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว งูไม่ได้เจาะจงที่จะอาศัยอยู่กับต้นไม้ชนิดใดเป็นพิเศษ สิ่งที่ดึงดูดพวกมันเข้ามาในบริเวณบ้านของเรานั้น คือ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ที่หลบซ่อน, แหล่งอาหาร, และแหล่งน้ำ
การจัดสวนหรือการปลูกต้นไม้บางลักษณะ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสำหรับงูโดยที่เราไม่รู้ตัว บทความนี้จะมาถอดรหัสว่าสวนแบบไหนที่งูชอบ และเราควรจัดการอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยง
“ต้นไม้ที่ดึงดูดงู” ปลูกต้นไม้แบบไหนเรียกงูเข้าบ้าน
1. สวนรกทึบ แหล่งหลบซ่อนชั้นยอด
งูเป็นสัตว์ที่ต้องการที่หลบภัยที่มืด เย็น และปลอดภัยจากศัตรู สวนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้จึงเป็นที่โปรดปรานของพวกมัน:
- ไม้พุ่มหนาทึบ (Dense Shrubs): ต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มหนาแน่นติดพื้นดิน เช่น พุ่มชาฮกเกี้ยน หรือพุ่มเข็มที่ไม่ได้ตัดแต่ง จะกลายเป็นคอนโดมิเนียมชั้นดีให้งูหลบซ่อนตัวในตอนกลางวัน
- ไม้คลุมดิน (Groundcover): พืชคลุมดินที่ขึ้นหนาแน่นจนแสงส่องไม่ถึงพื้น เช่น ตีนตุ๊กแก หรือไอวี่ที่เลื้อยคลุมดิน จะสร้างพื้นที่ชื้นและมืด ซึ่งเหมาะกับการซ่อนตัว
- กองใบไม้และเศษกิ่งไม้ (Leaf Litter & Debris): การปล่อยให้ใบไม้แห้งทับถมกันเป็นกองหนา หรือมีกองกิ่งไม้ที่ตัดแล้ววางทิ้งไว้ ถือเป็นการปูพรมแดงเชิญงูเข้ามาอาศัยและวางไข่
- ต้นไม้ใหญ่ที่มีโพรงหรือรากซับซ้อน: ต้นไม้ใหญ่ที่มีโพรงบริเวณลำต้น หรือมีระบบรากขนาดใหญ่ที่ยกตัวขึ้นเหนือดิน สามารถสร้างช่องว่างให้งูใช้เป็นรังถาวรได้
2. สวนอุดมสมบูรณ์ แหล่งอาหารชั้นเลิศ
เมื่องูมีที่ซ่อนแล้ว สิ่งต่อไปที่มันมองหาคืออาหาร สวนของเราอาจกำลังผลิตอาหารโปรดของงูโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะ:
- ต้นไม้ที่ดึงดูดหนู: ไม้ผลที่มีผลสุกร่วงหล่นตามพื้น เช่น มะม่วง หรือชมพู่ เป็นการเรียกหนูให้เข้ามากิน และเมื่องูได้กลิ่นหนู พวกมันก็จะตามเข้ามา
- กองปุ๋ยหมักหรือเศษอาหาร: หากจัดการไม่ดี กองปุ๋ยหมักสามารถกลายเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของหนูได้
- ต้นไม้ที่นกชอบทำรัง: งูหลายชนิด เช่น งูเขียว ชื่นชอบการกินไข่นกและลูกนก ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขามากพอให้นกมาทำรัง อาจกลายเป็นแหล่งล่าเหยื่อของงูได้
- พืชที่สร้างความชื้นสูง: การปลูกต้นไม้ตระกูลเฟิร์น หรือบอนในบริเวณที่ชื้นแฉะ จะดึงดูดแมลง, กบ, และคางคก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอาหารอันโอชะของงูหลายสายพันธุ์
3. สวนชุ่มฉ่ำ แหล่งน้ำและที่อยู่ของเหยื่อ
งูต้องการน้ำเพื่อดื่มและบางชนิดก็ล่าเหยื่อในน้ำ ดังนั้นแหล่งน้ำใกล้บ้านจึงเป็นจุดที่ดึงดูดงูได้:
- อ่างบัว บ่อปลา หรือน้ำพุ: แหล่งน้ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้งูมาดื่มน้ำ แต่ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของกบและเขียด ซึ่งเป็นอาหารหลักของงูหลายชนิด
- พื้นที่ชื้นแฉะใต้ต้นไม้: บริเวณที่ร่มทึบและดินชื้นแฉะตลอดเวลา ก็เพียงพอที่จะดึงดูดกบและแมลงให้เข้ามา ซึ่งจะดึงดูดงูตามมาเป็นทอด ๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
สรุปและแนวทางป้องกัน ไม่ได้อยู่ที่ "ต้นไม้" แต่อยู่ที่ "การจัดการ"
จะเห็นได้ว่า ไม่มีต้นไม้ชนิดใดที่ "เรียกงู" โดยตรง แต่เป็น "สภาพแวดล้อม" ที่เราสร้างขึ้นมากกว่า ดังนั้น แทนที่จะตัดต้นไม้ทิ้ง เราควรเน้นไปที่การจัดการสวนให้ "โปร่ง" และ "สะอาด" เพื่อไม่ให้เป็นที่ต้อนรับของงู
วิธีจัดการสวนเพื่อลดความเสี่ยงงูเข้าบ้าน
- ตัดแต่งให้โปร่ง: หมั่นตัดแต่งไม้พุ่ม โดยเฉพาะกิ่งก้านที่อยู่ติดพื้นดิน ให้สูงจากพื้นอย่างน้อย 1 ฟุต เพื่อให้แสงแดดส่องถึงและง่ายต่อการมองเห็น
- เก็บกวาดเป็นประจำ: กวาดใบไม้แห้งและเก็บเศษกิ่งไม้ออกจากสวนอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ทับถมกันเป็นกอง
- ตัดหญ้าให้สั้น: สนามหญ้าที่สูงรกเป็นที่ซ่อนตัวชั้นดี ควรตัดหญ้าให้สั้นเป็นประจำ เพื่อให้พื้นที่โปร่งโล่ง
- จัดการแหล่งอาหาร: เก็บผลไม้ที่ร่วงหล่นไปทิ้ง และกำจัดหนูหรือแหล่งอาหารของหนู เช่น ปิดฝาถังขยะให้มิดชิด เพื่อไม่ให้งูตามเข้ามาล่าเหยื่อ
- อุดรูรั่วรอบบ้าน: ตรวจสอบรอยแตกหรือรูรอบตัวบ้าน ท่อน้ำ หรือช่องระบายอากาศ และทำการอุดซ่อมให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้งูเลื้อยเข้าภายใน
แม้ความเชื่อเรื่อง "ต้นไม้ไล่งู" ที่ให้ปลูกพืชที่มีกลิ่นฉุน อาจมีกลิ่นที่รบกวนงู "บ้าง" แต่ไม่สามารถรับประกันได้ 100% ว่างูจะไม่เลื้อยผ่าน ดังนั้น การดูแลสวนให้สะอาดและโปร่งโล่ง ยังคงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดและได้ผลจริงที่สุด
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี
