รู้จัก "ขนมปัง Sourdough" (ซาวโดวจ์) สุดฮิต ทำไมถึงนิยมซื้อกิน มีดีอะไรบ้าง

รู้จัก "ขนมปัง Sourdough" (ซาวโดวจ์) สุดฮิต ทำไมถึงนิยมซื้อกิน มีดีอะไรบ้าง

รู้จัก "ขนมปัง Sourdough" (ซาวโดวจ์) สุดฮิต ทำไมถึงนิยมซื้อกิน มีดีอะไรบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“Sourdough” ขนมปังยอดฮิตที่คนเกือบทั้งโลกหลงรัก ความพิเศษคืออะไร และใครบ้างที่ควรกิน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในกลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ หรือชื่นชอบอาหารเพื่อสุขภาพ คงเคยได้ยินชื่อ “ขนมปังซาวโดว์” (Sourdough) ผ่านหูมาบ้าง โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่ซาวโดว์กลายเป็นกระแสฮิตทั่วโลกในหมู่คนรักสุขภาพและสายคราฟต์เบเกอรี่

แต่นอกจากจะเป็นขนมปังที่หน้าตาสวย ถ่ายรูปขึ้น และรสชาติเปรี้ยวเล็ก ๆ น่าสนใจ ขนมปังชนิดนี้ยังซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และคุณค่าทางโภชนาการไว้อย่างลึกซึ้ง

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับขนมปังซาวโดว์แบบเจาะลึก ทั้งต้นกำเนิด ส่วนประกอบ ความพิเศษ ไปจนถึงเหตุผลว่าทำไมมันถึงดีต่อสุขภาพ และใครบ้างที่เหมาะกับขนมปังชนิดนี้

ต้นกำเนิดของขนมปัง Sourdough

ซาวโดว์ ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบขนมปังที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีประวัติย้อนหลังไปถึง อียิปต์โบราณเมื่อกว่า 4,000 ปีที่แล้ว โดยบังเอิญค้นพบว่าการปล่อยแป้งผสมกับน้ำไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม จะทำให้เกิดการหมักตามธรรมชาติ ซึ่งแป้งจะฟูขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยีสต์เชิงพาณิชย์

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เทคนิคการหมักแป้งด้วยเชื้อธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า “wild yeast” ก็ถูกถ่ายทอดมายังอารยธรรมต่างๆ ทั้งกรีก โรมัน และยุโรป จนถึงปัจจุบัน

เมืองซานฟรานซิสโกในสหรัฐอเมริกายังได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงของซาวโดว์ เนื่องจากมีวัฒนธรรมการอบขนมปังซาวโดว์ที่เข้มข้นตั้งแต่ยุคตื่นทองในศตวรรษที่ 19

ขนมปัง Sourdough คืออะไร?

Sourdough คือขนมปังที่ใช้กระบวนการหมักธรรมชาติ แทนการใช้ยีสต์สำเร็จรูป โดยใช้ส่วนผสมหลักเพียง 3 อย่าง:

  • แป้ง (ส่วนใหญ่มักใช้แป้งขาวหรือแป้งโฮลวีต)

  • น้ำ

  • เกลือ

หัวใจสำคัญของซาวโดว์คือ starter หรือเชื้อหมักที่เกิดจากการผสมแป้งกับน้ำ ปล่อยให้เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอากาศเข้าไปหมักเป็นเวลา 5-10 วัน เพื่อสร้างแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส และยีสต์ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้แป้งขึ้นฟู และให้รสเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์

ความพิเศษของ Sourdough

สิ่งที่ทำให้ซาวโดว์แตกต่างจากขนมปังทั่วไปคือ :

  1. ย่อยง่ายกว่า  กระบวนการหมักช่วยย่อยสลายกลูเตนบางส่วน จึงลดอาการแน่นท้องหรือไม่สบายท้องในบางคน

  2. ค่า GI ต่ำกว่า  ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลง เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำตาล

  3. รสชาติซับซ้อน  เปรี้ยวเล็กน้อย หอมคล้ายโยเกิร์ตธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในกระบวนการหมัก

  4. เก็บได้นาน ความเป็นกรดช่วยชะลอการบูดและยืดอายุของขนมปังโดยไม่ต้องพึ่งสารกันเสีย

  5. โพรไบโอติก (ก่อนอบ)  starter ที่ยังไม่อบมีโพรไบโอติก แม้ว่าเมื่ออบแล้วจุลินทรีย์จะถูกทำลาย แต่ยังมีพรีไบโอติกและสารอาหารที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้

ใครบ้างที่กินได้?

ซาวโดว์เหมาะกับหลายกลุ่มคน โดยเฉพาะ:

  • ผู้ที่ไวต่อกลูเตน (แต่ไม่ใช่เซลิแอค)

  • ผู้ที่มีปัญหาการย่อยขนมปังทั่วไป

  • ผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

  • คนรักสุขภาพหรือผู้ที่ต้องการลดการบริโภคขนมปังขัดขาว

  • ผู้ที่ชื่นชอบอาหารที่มีรสชาติซับซ้อนและผ่านกระบวนการดั้งเดิม

ข้อควรระวัง: ผู้ที่แพ้กลูเตน (โรค celiac) ยังคงต้องหลีกเลี่ยงซาวโดว์ที่ทำจากแป้งสาลี แม้จะย่อยง่ายขึ้น แต่ยังมีโปรตีนกลูเตนอยู่

ประโยชน์ของ Sourdough ต่อสุขภาพ

  • ช่วยเสริมสุขภาพลำไส้จากพรีไบโอติก

  • ย่อยง่าย ไม่ทำให้ท้องอืดเหมือนขนมปังบางชนิด

  • ให้พลังงานพอเหมาะและอิ่มนาน

  • มีวิตามิน B และแร่ธาตุต่าง ๆ มากกว่าแป้งขาวทั่วไป เนื่องจากการหมักช่วยปลดล็อกสารอาหารให้ดูดซึมง่ายขึ้น

ขนมปังซาวโดว์ไม่ใช่แค่ขนมปังที่ เท่ หรือ อินเทรนด์ เท่านั้น แต่ยังเป็นขนมปังที่มีรากลึกทางวัฒนธรรม เต็มไปด้วยเรื่องราว และดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง

หากคุณกำลังมองหาทางเลือกใหม่ของขนมปังที่อร่อย ย่อยง่าย และอุดมด้วยสารอาหาร ลองเปิดใจให้ซาวโดว์ แล้วคุณอาจจะตกหลุมรักกลิ่นหอมกรอบนอกนุ่มในนี้โดยไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล