รู้จัก "ขนมปัง Sourdough" (ซาวโดวจ์) สุดฮิต ทำไมถึงนิยมซื้อกิน มีดีอะไรบ้าง
.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
“Sourdough” ขนมปังยอดฮิตที่คนเกือบทั้งโลกหลงรัก ความพิเศษคืออะไร และใครบ้างที่ควรกิน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในกลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ หรือชื่นชอบอาหารเพื่อสุขภาพ คงเคยได้ยินชื่อ “ขนมปังซาวโดว์” (Sourdough) ผ่านหูมาบ้าง โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่ซาวโดว์กลายเป็นกระแสฮิตทั่วโลกในหมู่คนรักสุขภาพและสายคราฟต์เบเกอรี่
แต่นอกจากจะเป็นขนมปังที่หน้าตาสวย ถ่ายรูปขึ้น และรสชาติเปรี้ยวเล็ก ๆ น่าสนใจ ขนมปังชนิดนี้ยังซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และคุณค่าทางโภชนาการไว้อย่างลึกซึ้ง
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับขนมปังซาวโดว์แบบเจาะลึก ทั้งต้นกำเนิด ส่วนประกอบ ความพิเศษ ไปจนถึงเหตุผลว่าทำไมมันถึงดีต่อสุขภาพ และใครบ้างที่เหมาะกับขนมปังชนิดนี้
ต้นกำเนิดของขนมปัง Sourdough
ซาวโดว์ ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบขนมปังที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีประวัติย้อนหลังไปถึง อียิปต์โบราณเมื่อกว่า 4,000 ปีที่แล้ว โดยบังเอิญค้นพบว่าการปล่อยแป้งผสมกับน้ำไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม จะทำให้เกิดการหมักตามธรรมชาติ ซึ่งแป้งจะฟูขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยีสต์เชิงพาณิชย์
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เทคนิคการหมักแป้งด้วยเชื้อธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า “wild yeast” ก็ถูกถ่ายทอดมายังอารยธรรมต่างๆ ทั้งกรีก โรมัน และยุโรป จนถึงปัจจุบัน
เมืองซานฟรานซิสโกในสหรัฐอเมริกายังได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงของซาวโดว์ เนื่องจากมีวัฒนธรรมการอบขนมปังซาวโดว์ที่เข้มข้นตั้งแต่ยุคตื่นทองในศตวรรษที่ 19
ขนมปัง Sourdough คืออะไร?
Sourdough คือขนมปังที่ใช้กระบวนการหมักธรรมชาติ แทนการใช้ยีสต์สำเร็จรูป โดยใช้ส่วนผสมหลักเพียง 3 อย่าง:
-
แป้ง (ส่วนใหญ่มักใช้แป้งขาวหรือแป้งโฮลวีต)
-
น้ำ
-
เกลือ
หัวใจสำคัญของซาวโดว์คือ starter หรือเชื้อหมักที่เกิดจากการผสมแป้งกับน้ำ ปล่อยให้เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอากาศเข้าไปหมักเป็นเวลา 5-10 วัน เพื่อสร้างแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส และยีสต์ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้แป้งขึ้นฟู และให้รสเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์
ความพิเศษของ Sourdough
สิ่งที่ทำให้ซาวโดว์แตกต่างจากขนมปังทั่วไปคือ :
-
ย่อยง่ายกว่า กระบวนการหมักช่วยย่อยสลายกลูเตนบางส่วน จึงลดอาการแน่นท้องหรือไม่สบายท้องในบางคน
-
ค่า GI ต่ำกว่า ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลง เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำตาล
-
รสชาติซับซ้อน เปรี้ยวเล็กน้อย หอมคล้ายโยเกิร์ตธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในกระบวนการหมัก
-
เก็บได้นาน ความเป็นกรดช่วยชะลอการบูดและยืดอายุของขนมปังโดยไม่ต้องพึ่งสารกันเสีย
-
โพรไบโอติก (ก่อนอบ) starter ที่ยังไม่อบมีโพรไบโอติก แม้ว่าเมื่ออบแล้วจุลินทรีย์จะถูกทำลาย แต่ยังมีพรีไบโอติกและสารอาหารที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้
ใครบ้างที่กินได้?
ซาวโดว์เหมาะกับหลายกลุ่มคน โดยเฉพาะ:
-
ผู้ที่ไวต่อกลูเตน (แต่ไม่ใช่เซลิแอค)
-
ผู้ที่มีปัญหาการย่อยขนมปังทั่วไป
-
ผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
-
คนรักสุขภาพหรือผู้ที่ต้องการลดการบริโภคขนมปังขัดขาว
-
ผู้ที่ชื่นชอบอาหารที่มีรสชาติซับซ้อนและผ่านกระบวนการดั้งเดิม
ข้อควรระวัง: ผู้ที่แพ้กลูเตน (โรค celiac) ยังคงต้องหลีกเลี่ยงซาวโดว์ที่ทำจากแป้งสาลี แม้จะย่อยง่ายขึ้น แต่ยังมีโปรตีนกลูเตนอยู่
ประโยชน์ของ Sourdough ต่อสุขภาพ
-
ช่วยเสริมสุขภาพลำไส้จากพรีไบโอติก
-
ย่อยง่าย ไม่ทำให้ท้องอืดเหมือนขนมปังบางชนิด
-
ให้พลังงานพอเหมาะและอิ่มนาน
-
มีวิตามิน B และแร่ธาตุต่าง ๆ มากกว่าแป้งขาวทั่วไป เนื่องจากการหมักช่วยปลดล็อกสารอาหารให้ดูดซึมง่ายขึ้น
ขนมปังซาวโดว์ไม่ใช่แค่ขนมปังที่ เท่ หรือ อินเทรนด์ เท่านั้น แต่ยังเป็นขนมปังที่มีรากลึกทางวัฒนธรรม เต็มไปด้วยเรื่องราว และดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกใหม่ของขนมปังที่อร่อย ย่อยง่าย และอุดมด้วยสารอาหาร ลองเปิดใจให้ซาวโดว์ แล้วคุณอาจจะตกหลุมรักกลิ่นหอมกรอบนอกนุ่มในนี้โดยไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี


