รู้จัก 5 Super Food ที่ผู้หญิงญี่ปุ่นบอกว่าดีต่อสุขภาพและความงาม

รู้จัก 5 Super Food ที่ผู้หญิงญี่ปุ่นบอกว่าดีต่อสุขภาพและความงาม

รู้จัก 5 Super Food ที่ผู้หญิงญี่ปุ่นบอกว่าดีต่อสุขภาพและความงาม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Super Food เป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นให้ความสนใจมาเป็นเวลานาน ซึ่งอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็น Super Food มีคุณสมบัติดังนี้ มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 12 ชนิด มีคุณค่าสารอาหารสูงแต่ให้พลังงานต่ำ และมีองค์ประกอบที่เป็นอาหารและสมุนไพร

แม้ว่าจะมีอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็น Super Food มากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็มีเพียงไม่กี่ชนิดที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน มารู้จัก Super Food ที่ได้รับความนิยมจากผู้หญิงญี่ปุ่นและประโยชน์ของอาหารเหล่านี้กันค่ะ

1. เมล็ดเจีย (Chia seeds)



เมล็ดเจียมีลักษณะคล้ายเม็ดแมงลักแต่มีขนาดเล็กกว่า เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร โดยเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะมีเส้นใยอาหารสูงถึง 12 กรัม มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่สูงกว่าถั่ววอลนัทถึง 2.6 เท่า และมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างไม่ได้แต่ต้องรับมาจากการรับประทานอาหารเท่านั้นถึง 8 ชนิด  เมล็ดเจียเป็นทางเลือกของอาหารเพื่อความงามและการลดน้ำหนักเพราะมีเส้นใยอาหารสูงและให้พลังงานต่ำ

วิธีการนำมารับประทานทำได้โดยการรับประทานเป็นสมูทตี้หรือรับประทานพร้อมกับโยเกิร์ต โดยปริมาณที่เหมาะสมต่อวันคือ 2 ช้อนโต๊ะ

2. อาไซอิ (Acai)


อาไซอิเป็นผลไม้ที่ผลิตได้มากจากแถบแอมะซอนและจังหวัดโอกินาวะในญี่ปุ่น ผลไม้ชนิดนี้มีรสชาติหวานจืดเปรี้ยวน้อย และมีรสเฝื่อนจากแอนโทไซยานิน เนื้อผลอะไซอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ประมาณ 3 เท่า และมีแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามิน อี บี 1 บี 2 เส้นใยอาหาร กรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 9 การรับประทานอะไซเป็นประจำจะช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยชะลอความแก่

สามารถนำมารับประทานได้ทั้งในรูปแบบของอาไซอิแช่แข็งรับประทานกับโยเกิร์ต แต่อาจรับประทานยากหน่อยเพราะเมล็ดอาไซอิมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หรือนำเนื้อผลอาไซอิบดมารับประทานเป็นสมูทตี้ เป็นต้น


3. สไปรูลิน่า (Spirulina)

สไปรูลิน่าเป็นสาหร่ายชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย สารไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) และโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างและเสริมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว จึงช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ธาตุเหล็กและกรดโฟลิก ที่ช่วยป้องกันโลหิตจาง และวิตามิน บี 1 บี 2 บี 6 และบี 12 ซึ่งช่วยบำรุงระบบประสาทและช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดี นอกจากนี้สไปรูลิน่ายังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย และมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา คนญี่ปุ่นรับประทานสไปรูลิน่าในรูปแบบอาหารเสริมที่รับประทานได้ง่ายในทุกวัน


4. ควินัว (Quinoa)

 

ควินัวเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่มีโปรตีนกลูเตนเป็นส่วนประกอบจึงดีต่อผู้แพ้โปรตีนกลูเตน ควินัวอุดมไปด้วยโปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามินอี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็กและสังกะสีในปริมาณที่สูงกว่าข้าวกล้อง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยกรดลิโนเลอิกและกรดโอเลอิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดลิโนเลอิกจะมีผลในการลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด และช่วยเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดี ควินัวเป็นอาหารทางเลือกที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดต่อความงามและการลดน้ำหนัก

5. ถั่วเสือ (Tigernuts)

ถั่วเสือเป็นหนึ่งใน super food ที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานเป็นของว่าง ถั่วเสือมีรสชาติหวานคล้ายกับเมล็ดถั่วอัลมอนด์และเฮเซลนัทแต่ให้พลังงานที่ต่ำกว่าถั่วต่างๆ อีกทั้งมีเส้นใยอาหารและวิตามินอีสูงกว่าอัลมอนด์ถึง 3 และ 2.5 เท่า ตามลำดับ และอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ถั่วเสือเป็นอาหารว่างที่ดีสำหรับผู้ที่รักความงามและต้องการลดและควบคุมน้ำหนัก

มีอาหาร super food มากมายที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพและความงามสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา อย่างไรก็ดี มีข้อควรคำนึงคือ ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและไม่รับประทานเพียงแค่ super food แต่ให้รับประทานร่วมกับอาหารว่างหรืออาหารตามปกติ เพื่อจะทำให้ super food เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพกายและความงามอย่างแท้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook