โรคพยาธิในช่องคลอด เป็นอย่างไร เรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงต้องใส่ใจ

โรคพยาธิในช่องคลอด เป็นอย่างไร เรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงต้องใส่ใจ

โรคพยาธิในช่องคลอด เป็นอย่างไร เรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงต้องใส่ใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาก่อนถึงชื่อโรคพยาธิในช่องคลอด ซึ่งเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย แต่โดยส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิงมากกว่า วันนี้เราจึงชวนให้ทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคชนิดนี้กันค่ะ เพื่อให้ได้ทราบถึงอาการ วิธีการป้องกัน และวิธีการรักษาที่ถูกต้องพร้อมๆ กัน

โรคพยาธิในช่องคลอด คืออะไร

โรคพยาธิในช่องคลอด หรือ Trichomoniasis คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว ซึ่งมีชื่อว่า Trichomonas Vaginalis โรคชนิดนี้พบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่โดยส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิง ในส่วนของตัวพยาธินั้นจะมีขนาดเล็กมากและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งความน่ากลัวของโรคชนิดนี้คือ หากเป็นโรคนี้แล้ว พบว่าผู้ป่วยที่แสดงอาการมีเพียง 20-30 เปอร์เซ็นเท่านั้น นั่นจึงทำให้หลายๆ คนที่เป็นโรคชนิดนี้ไม่รู้ตัว และเกิดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอนได้


อาการของโรค

อาการที่สังเกตได้จากการเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดคือ มีตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง อาจมีกลิ่นเหม็นคาวปลา มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด อวัยวะเพศบวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบ ปวดปัสสาวะบ่อย มีอาการปวดในขณะขับปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ หากมีอาการดังกล่าวนี้จำเป็นต้องรีบรักษา หากปล่อยทิ้งไว้ อาจจะทำให้เกิดการลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ จนก่อให้เกิดอาการอักเสบตามมาได้


วิธีรักษาโรคพยาธิในช่องคลอด

โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งวิธีการรักษาจะใช้วิธีการกินยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องประมาณ 7-10 วัน ทั้งนี้แม้ว่าโรคพยาธิในช่องคลอดจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้เช่นกัน โดยเฉพาะการกลับไปมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเดิมที่ติดเชื้อ ดังนั้นในทางการแพทย์แนะนำว่าผู้ที่สงสัยหรือมั่นใจว่าตัวเองเป็นโรคพยาธิในช่องคลอด ควรมารับการตรวจรักษาพร้อมกับคู่นอน จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคดังกล่าวนี้กลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง


วิธีป้องกัน ทำได้อย่างไร?

เนื่องจากโรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการป้องกันโรคชนิดนี้จึงทำได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ซึ่งวิธีการป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอดก็มีความคล้ายกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆ นั่นเอง

จะเห็นได้ว่าโรคพยาธิในช่องคลอดจะมีความแตกต่างจากโรคเชื้อราในช่องคลอด เนื่องจากโรคเชื้อราในช่องคลอดจะมีอาการคันมากกว่าและมีตกขาวที่มีลักษณะเหมือนแป้งเปียก ในขณะที่โรคพยาธิในช่องคลอดจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองและมีอาการแสบที่บริเวณอวัยวะเพศขณะขับปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook