ขายตัว และการศึกษาที่ช่วยไม่ได้

ขายตัว และการศึกษาที่ช่วยไม่ได้

ขายตัว และการศึกษาที่ช่วยไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
การขายตัวของนักเรียนนักศึกษาไม่ใช่ประเด็นใหม่ในสังคมไทย แต่ที่กลายเป็นข่าวดังเพราะการขาย(ตัว)ผ่าน hi5 ซึ่งเป็นช่องทางที่ทำให้นักขายกับนักซื้อพบกันโดยตรง ไม่ต้องผ่านแม่เล้า ไม่ต้องถูกหักค่าเปอร์เซ็นต์ส่วนรายละเอียดของการขายตัว…ก็อย่างที่เป็นข่าว คนขายเต็มใจที่จะขายและคนซื้อก็พึงใจที่จะซื้อ

สังคมมนุษย์มีการขายตัวตั้งแต่ครั้งโบราณ และการให้บริการทางเพศนั้น ส่วนใหญ่ผู้หญิงเป็นฝ่ายตอบสนอง และผู้ชายก็เป็นผู้ซื้อมาตลอด เหตุผลในการซื้อของชายโบราณไม่แตกต่างจากผู้ชายในสมัยนี้ ยุคต่อไปการซื้อขายดังกล่าวก็ยังคงเป็นไปด้วยเหตุผลเดิมๆ ของเพศรส

การขายตัวในปัจจุบันไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการบังคับขู่เข็ญอีกต่อไป ที่บังคับในลักษณะค้ามนุษย์ก็ยังมีอยู่ แต่บางส่วนเป็นความสมัครใจ และผู้ที่สมัครใจมักอยู่ในวัยเรียน พวกเธอยินดีใช้ร่างกายเข้าแลก เพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน หลังจากนั้นก็นำเงินไปใช้สอยตามที่ตนต้องการ

แน่นอนว่านักเรียนนักศึกษาเหล่านี้ไม่รู้สึกว่าการขายบริการทางเพศเป็นความผิดบาป หรืออาจจะรู้สึกผิดบ้าง แต่สุดท้าย-การหาเงินมาได้อย่างง่ายๆ เย้ายวนใจกว่า ขณะเดียวกันฝ่ายที่ซื้อก็ไม่รู้สึกผิดอะไร และอยากซื้อมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะผู้หญิงที่มาขายมีป้ายนักเรียนนักศึกษาติดอยู่



อินเทอร์เน็ตมีส่วนในการสนับสนุนเรื่องเพศทุกรูปแบบมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขายตัว การแลกเปลี่ยนคู่นอน การซื้อขายอุปกรณ์ทางเพศ ฯลฯ อินเทอร์เน็ตช่วยได้ทั้งนั้น และอินเทอร์เน็ตยังทำให้ผู้คนหมกหมุ่นเรื่องเพศมากกว่าเดิม เพราะเข้าถึงได้รวดเร็วและอย่างกว้างขวาง

ทุกวันนี้เด็กอายุสิบกว่าปีก็สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กซ์กันแล้ว เด็กจำนวนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 12-13 ปีอย่างเต็มใจ (ทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย) นี่ขนาดอยู่ในก่อนวัยรุ่นนะครับ พอเข้าสู่วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว พวกเขาก็จะพัฒนาชีวิตเซ็กซ์ของตนไปอีกระดับหนึ่ง จนกลายเป็นคนกร้านโลก โดยมีเซ็กซ์คอยช่วยให้กร้าน


อย่างกรณีนักเรียนนักศึกษามาขายตัว มันคงมีจุดเริ่มต้นจากการเสียตัวง่ายๆ ก่อน หลังจากเสียตัวเพราะอยากลองอยากรู้และลองกันมาจนเป็นเรื่องธรรมดา ก็ถึงเวลาที่จะเสียตัวเพื่อแลกกับเงินสักที และเงินที่หาเอง (อย่างง่ายๆ) ตอบสนองการใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยได้ดีเยี่ยม

จะซื้อเสื้อผ้าหรือข้าวของราคาแพงก็ซื้อกันตามสะดวก เนื่องจากเงินที่นำไปซื้อนั้นอาจหาได้หลักหมื่นต่อวัน เงินหมดก็หาเข้ามาใหม่



นักศึกษาผู้หญิงบางคนที่มาขายตัว ตามข่าวบอกว่าเธอไม่ได้มีฐานะยากจนอะไรเลย พ่อแม่ส่งเงินให้เดือนละประมาณ 2 หมื่นบาท แต่ไม่พอใช้ก็เลยมาขายบริการ

เป็นเหตุผลที่ตรงไปตรงมาทีเดียวครับ แล้วเธอนำเหตุผลทำนองนี้มาจากไหน ? …ก็จากการใช้ชีวิตของเธอนั่นแหละ ชีวิตคนเราแค่ไหนก็แสดงออกและนำเสนอได้เท่าที่มีต้นทุนอยู่

หลังจากข่าวขายตัวทาง hi5 โด่งดังตามสื่อต่างๆ ภาครัฐก็ออกโรงทันที มีทั้งการห้ามและการปราม แต่ไม่ได้ผลหรอกครับ ตราบใดที่ผู้ขายยังเต็มใจขายและผู้ซื้อพึงใจที่จะซื้อ พวกเขาจะมีช่องทางซื้อขายกันจนได้

นอกจากนั้นก็จะมีผู้ซื้อและผู้ขายหน้าใหม่ทยอยเข้าสู่วงการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าท้าทายและน่าทดลอง หลังทดลองแล้ว ไม่ยากที่จะรู้สึกติดอกติดใจ




แม้ผู้ที่สมัครใจขายตัวจะเป็นจำนวนพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับนักเรียนนักศึกษาทั้งหมด แต่ก็บอกถึงแนวโน้มของสังคมได้ว่าจะโน้มไปทางไหน สังคมไทยเละเทะใช่ไหม-ใช่ครับ แล้วใครทำให้เละเทะ-ประเด็นนี้ตอบยากเหมือนกันว่าจะกล่าวโทษใครดี เพราะมีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

นานมาแล้วการที่ผู้หญิงต้องไปขายตัว หากไม่ใช่เพราะความยากจนก็เพราะการถูกหลอก พวกเธอเรียนมาน้อยหรืออาจจะไม่ได้เรียนเลย แต่ปัจจุบัน เรา (ประเทศไทย) มีผู้หญิงขายตัวที่อยู่ในวัยเรียน ทั้งเรียนในระดับมัธยมและอุดมศึกษา

พวกมัธยมยังไม่เท่าไหร่ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ง่าย ทว่าพวกเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งควรมีวุฒิภาวะกันบ้าง ก็กลายเป็นขาดแคลนวุฒิภาวะ นักศึกษาสาวเหล่านี้ถูกบริโภคนิยมและวัตถุนิยมย้อมชีวิตจนไม่รู้ว่าอะไรคือขาวอะไรคือดำ ไม่สนใจความเหมาะสมและเรื่องถูกผิด ชีวิตของพวกเธอล้มเหลวหรือการศึกษาล้มเหลวก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่มันยืนยันว่า…การศึกษาช่วยอะไรไม่ได้


Senses and soul
วิรัตน์ โตอารีย์มิตร
นิตยสาร Penthouse เดือนกุมภาพันธ์



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook