สาวออฟฟิศที่ชอบกินจุบจิบ เสี่ยงเบาหวาน!!

สาวออฟฟิศที่ชอบกินจุบจิบ เสี่ยงเบาหวาน!!

สาวออฟฟิศที่ชอบกินจุบจิบ เสี่ยงเบาหวาน!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขนมเค้ก คุ้กกี้ ขนมปัง ขนมถุง มันฝรั่งทอดกรอบ ฯลฯ ที่สาวๆ ออฟฟิศส่วนใหญ่มีติดโต๊ะไว้แก้หิว เพราะตอนเช้าที่ต้องรีบตื่นแต่งตัวรีบเร่งไปทำงานให้ทัน แม้จะดื่มกาแฟแก้วเดียวก็แทบจะไม่มีเวลา แต่พอสายๆ ท้องก็เริ่มหิว เริ่มควานหาขนมที่วางไว้บนโต๊ะ หรือแซนด์วิชที่ร้านสะดวกซื้อมารองท้อง เป็นเรื่องผิดมหัน!!!

งานออฟฟิศส่วนใหญ่เป็นงานที่ใช้เวลานั่งทำอยู่กับโต๊ะและหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งเครียดและยุ่งแทบไม่ค่อยมีเวลากินข้าว แต่ชอบกินจุบกินจิบแทน พอตกบ่ายก็เริ่มง่วงจนต้องหากาแฟอีกแก้วพร้อมกับขนมขบเคี้ยวที่ซื้อติดมือมาตอนกลางวัน แต่ความผิดยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะสาวออฟฟิศส่วนใหญ่ก็มักไม่ค่อยมีเวลาไปออกกำลังกาย จึงทำให้น้ำหนักตัวยิ่งเพิ่มมากขึ้น และพฤติกรรมซ้ำๆ เหล่านี้นี่เองที่ทำให้ สาวออฟฟิศเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โดยไม่รู้ตัว

"เราไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา"

ตามหลักโภชนาการ กำหนดให้ผู้ที่มีสุขภาพปกติบริโภคน้ำตาลได้ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา แต่ทว่าสาวออฟฟิศที่ห่วงสวยจะเลี่ยงมารับประทานผลไม้เป็นของว่าง และได้รับน้ำตาลมากถึงวันละ 25 ช้อนชา ในขณะที่กลุ่มผู้ชอบกินขนมกรุบกรอบจะได้รับน้ำตาลวันละประมาณ 18 ช้อนชา

"กินหวาน" ไม่ได้ทำให้เป็นโรคเบาหวาน แต่เสี่ยง!! ต่อการเป็นโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานคือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินปกติ ซึ่งเกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ถ้าร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลและแป้งล้นเกินเป็นประจำจะทำให้ตับอ่อนทำงานหนักจากการผลิตอินซูลิน ยิ่งคนที่มีปริมาณไขมันมากก็จะยิ่งทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี ทำให้มีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดสูง และในที่สุดก็อาจจะกลายเป็นโรคเบาหวานได้ ส่วนจะเป็นโรคเบาหวานเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของตับอ่อนของแต่ละคน

จากการสำรวจสภาวะสุขอนามัยของประชาชน ปี 2552 พบว่า คนไทยเป็นเบาหวานประมาณร้อยละ 7 ของประชากรหรือมากกว่า 3 ล้านคน และที่สำคัญขณะนี้คนไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานเพิ่มเป็น 6-7 ล้านคน ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ทั่วโลกมีผู้เป็นเบาหวานประมาณ 177 ล้านคน และคาดว่าปี 2025 จะพบผู้เป็นเบาหวานทั่วโลก 300 ล้านคน

คุณศุภลักษณ์ ทองนุ่น นักโภชนาการ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท (แผนกผู้สูงอายุ) กล่าวว่า "ส่วนใหญ่สาวๆ ที่ทำงานออฟฟิศจะงดอาหารเช้า ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวก่อนมาทำงาน พอนั่งทำงานไปสักพักจะรู้สึกหิวเพราะระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สมองจึงสั่งการว่า "หิว" เราก็จะหาขนมมากินจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นแล้วสมองสั่งการให้หยุดกิน ซึ่งในความเป็นจริงสมองมักจะรับรู้ช้ากว่าจะได้รับน้ำตาลและพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ และส่วนใหญ่ขนมหรือน้ำผลไม้ที่หยิบมากินรองท้องในระหว่างมื้อ ปริมาณการกินจะไม่มากแต่ให้แป้งและน้ำตาลสูงกว่าอาหารมื้อหลักและไม่ทำให้อยู่ท้องด้วย

ทั้งนี้ อาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานคือ กลุ่มคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหมายถึงแป้งและน้ำตาล เราจึงควรรับประทานกลุ่มแป้ง เช่น ข้าวไม่เกินวันละ 8-12 ทัพพี และน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา ซึ่งต้องคำนึงถึงแป้งและน้ำตาลที่แฝงในอาหารและเครื่องดื่มด้วย เพราะบางคนเลือกทานผลไม้แล้ว แต่เมื่อคำนวณปริมาณน้ำตาลโดยรวมออกมา อาจมีปริมาณมากกว่าการทานขนม เพราะในผลไม้หรือเครื่องจิ้มก็มีปริมาณน้ำตาลเช่นเดียวกัน"

แก้ไขอย่างไรดี

เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมในร่างกายมากเกินไป สาวๆ ควรเลือกทานอาหารกลุ่มนี้ในมื้อเช้าและกลางวัน เพราะระหว่างวันเรามักจะมีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะถูกเผาผลาญ แทนการสะสมในร่างกาย ส่วนการจะลดเสี่ยงเบาหวานก็สามารถทำได้โดย

1. ไม่ควรรับประทานน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา และแป้ง (ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง เค้ก ฯลฯ) ไม่เกิน 8-12 ทัพพี

2. ควรจดบันทึกปริมาณพลังงานที่ได้รับ/วัน หรือนับการรับประทานอาหารกลุ่มแป้ง น้ำตาล และไขมัน เช่น มื้อกลางวันทานสัปปะรดไปแล้ว มื้อเย็นก็ไม่ควรทานอาหารที่มีน้ำตาลแฝงอยู่ เช่น แกงเขียวหวาน ควรเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีน้ำตาลแทน เช่น ปลาย่างทานกับผักสด

3. อย่าซื้อขนมหวานที่ชอบติดบ้าน เวลาเบื่อหรือนั่งดูทีวีเรามักจะรับประทานขนมได้มากโดยไม่รู้ตัว ถ้าเบื่อควรเลือกทานผลไม้ที่ไม่หวานแทน เช่น ฝรั่ง, มันแกว ฯลฯ

4. รับประทานให้ช้าลง เพราะร่างกายจะรับรู้ถึงสัญญาณความอิ่มหลังรับประทานอาหารประมาณ 15-20 นาที ถ้าเรารับประทานช้าลงเราก็จะรู้สึกอิ่มโดยที่ไม่ได้รับประทานเกินความต้องการของร่างกาย

5. เคี้ยวให้นานขึ้น ยิ่งเคี้ยวนานเราก็จะทานช้าลง และอิ่มเร็วขึ้น

6. ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อลดปริมาณไขมันในร่างกายเพื่อช่วยให้อินซูลินทำงานได้ตามปกติ

โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ใช้เวลาในการเกิดโรคนานและยังเป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมในการกิน เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาติดต่อกันเป็นเวลานานหรือตลอดชีวิต ดังนั้น ถ้าสาวๆ ที่มีพฤติกรรมชอบกินจุบจิบ กินตามใจปาก จึงควรปรับพฤติกรรมการกินเสียใหม่แล้วหันมาใส่ใจในการเลือกอาหารของแต่ละมื้อ ซึ่งนอกจากจะไม่ทำให้รูปร่างอ้วนบวมแผละแล้วยังไม่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook