คำขอสุดท้ายของ "สวลี ผกาพันธุ์" เจ้าของบทเพลง "ใครหนอ" ที่เปิดกันทุกวันแม่

คำขอสุดท้ายของ "สวลี ผกาพันธุ์" เจ้าของบทเพลง "ใครหนอ" ที่เปิดกันทุกวันแม่

คำขอสุดท้ายของ "สวลี ผกาพันธุ์" เจ้าของบทเพลง "ใครหนอ" ที่เปิดกันทุกวันแม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพียงเอ่ยชื่อ ‘สวลี ผกาพันธุ์’ ราวกับเสียงหวานกังวานใสอันเป็นเอกลักษณ์ของท่านจะดังแว่วเข้ามาในความคำนึง และด้วยบทเพลงเกือบ 2,000 เพลง ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีบนเส้นทางการเป็นศิลปิน ชื่อของ ‘สวลี ผกาพันธุ์’ ยังเป็นที่รู้จักและไม่เคยเลือนหายจากความนิยมของผู้ฟังทุกยุคทุกสมัย

ความสวยไม่เปลี่ยนแปลงของคุณสวลี

การจากไปอย่างกะทันหันของคุณสวลีคือความสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัวและพี่น้องพ้องเพื่อนร่วมวงการ และยังสร้างความตกใจใจหาย และเสียใจในคราเดียวกันให้กับแฟนเพลงทั่วประเทศอีกด้วย เพราะไม่มีวี่แววหรือลางบอกเหตุใดๆ มาก่อนเลย

เมื่อครั้งเป็น ด.ญ.เชอร์รี่ ฮอฟแมนน์ ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก วัย 8 ขวบที่ฉายแววสวยมาตั้งแต่เด็ก

แต่สำหรับคุณสวลีแล้ว นี่อาจเป็นการลาจากในแบบที่เจ้าตัวได้อธิษฐานจิตต่อหน้าพระพุทธรูปในทุกค่ำคืนก็ได้

คำขอสุดท้ายของสวลี
“แม่สวดมนต์ทุกคืน ขอให้ไปสบาย เห็นใจแม่เถอะลูก แม่ไม่ชอบนอนเฉยๆ ถ้าต้องป่วยอยู่โรงพยาบาลนานๆ แม่รับไม่ได้จริงๆ ลูกอาจจะเหนื่อยและทุกข์ทรมานใจกันหน่อยนะ แต่แม่ขอละกันลูก”

คุณสวลีในวัย 80 ปีที่ความสวยไม่เคยสร่าง

นี่คือเจตนารมณ์ที่คุณสวลี หรือคุณเชอร์รี่เศวตนันทน์ได้เคยบอกกับคุณเจี๊ยบ ดารณีนุช เศวตนันทน์ บุตรีคนกลางที่ท่านย้ายมาปลูกบ้านอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน หลังสิ้นสามี คุณอดิศักดิ์ เศวตนันทน์ คู่ชีวิตที่พบรักกันที่โรงละครและครองรักกันจนความตายมาพรากให้ต้องจากกัน

“ความสูญเสียนี้เป็นที่สุดในชีวิตแล้ว เราเป็นแม่ลูกที่สนิทกันที่สุด อยู่บ้านใกล้กัน เจอกันทุกวันมีอะไรก็จะเล่าให้แม่รี่ฟังได้ทุกเรื่อง เพราะท่านคือคนที่รักและหวังดีกับเราที่สุดในโลก แม่รี่เป็น An extraordinary 86 woman เป็นคนที่ทำหน้าที่ทุกอย่างได้สมบูรณ์ เป็นลูกที่ดี เป็นพี่เป็นน้องที่เยี่ยมยอด และเป็นแม่ที่เพอร์เฟคต์มาก ทุกวันนี้ท่านก็ยังห่วงใยเหมือนพวกเราสามพี่น้องยังเป็นเด็กๆ ถ้าใครเดินทางไปไหน ถึงที่หมายแล้วไม่ติดต่อบอกท่าน แม่รี่ก็จะไลน์หา ‘ลูกถึงหรือยัง แม่นับชั่วโมงอยู่นะ ตอนนี้เครื่องน่าจะลงแล้ว ทำไมลูกยังไม่ส่งข่าวสักที’ พอดีมีหลานชายคนหนึ่งต้องไปทำงานที่พม่าบ่อยๆ ทุกครั้งที่หลานเดินทาง เขาจะโทร.รายงานคุณย่าตลอด เป็นความชื่นใจของแม่รี่ที่หลานนึกถึงท่านเสมอ

พร้อมหน้าครอบครัวเศวตนันทน์เมื่อครั้งให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร

ความรัก ความผูกพัน และความอบอุ่นของครอบครัวเศวตนันทน์พรั่งพรูจากความทรงจำของคุณเจี๊ยบ เรียงร้อยเป็นถ้อยคำที่บางขณะมีรอยยิ้มเมื่อยามนึกถึงความน่ารักของผู้เป็นแม่ แต่หลายช่วง ปลายเสียงของคนเล่าก็สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจเมื่อนึกถึงความจริงที่ไม่มี ‘แม่รี่’ อีกต่อไป

หยาดน้ำผึ้งแห่งบทเพลง
ย้อนเส้นทางกว่า 6 ทศวรรษของการเป็นนักร้องของคุณสวลี เริ่มต้นเมื่อครูมยุรี จันทร์เรือง ผู้สอนวิชาขับร้องที่โรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม เห็นถึงพรสวรรค์ของลูกศิษย์คนนี้ จึงได้แนะนำให้รู้จักกับครูลัดดา ศิลปบรรเลงที่เป็นญาติและเป็นเจ้าของคณะละครผกาวลี หลังจากได้ฟังน้ำเสียงของ น.ส. เชอร์รี่ ฮอฟแมนน์ ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก วัย 17 ปีในวันนั้น จึงได้ชวนให้มาร้องเพลงสลับฉากละคร พร้อมตั้งชื่อให้ใช้ในการแสดงว่า ‘สวลี’ ที่แปลว่าน้ำผึ้ง ส่วนนามสกุล ‘ผกาพันธุ์’ คือเผ่าพันธุ์ของดอกไม้ คุณสด กูรมะโรหิต นักเขียนชั้นครูเป็นผู้ตั้งให้

คุณสวลีเข้ารับพระราชทานแผ่นเสียงทองคำจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชถึง 2 แผ่นในปีเดียวกัน คือ พ.ศ. 2507

แม้มีความสามารถหลายด้าน แต่ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและเป็นเอกลักษณ์ คุณสวลีจึงเป็นนักร้องตลอดมา เธอได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิตศิลปินเมื่อได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถึง 4 แผ่น ครั้งแรก พ.ศ. 2507 ได้รับ 2 แผ่นจากเพลงฆ่าฉันให้ตายดีกว่ากับเพลงใครหนอ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2510 เพลงหนีรัก และครั้งที่ 3 พ.ศ. 2514 เพลงเดือนดารา จากนั้นเมื่อ พ.ศ. 2532 ได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) เป็นนักร้องมากว่า 6 ทศวรรษ

คุณสวลี กับนนักร้องคู่ขวัญ 'คุณสุเทพ วงศ์กำแหง'

สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า คุณสวลีเป็นศิลปินคนหนึ่งที่ได้ถวายงานอย่างใกล้ชิดแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาโดยตลอด “ทุกครั้งที่ได้ไปถวายงานพอกลับถึงบ้านก็จะปลุกลูกๆ ทุกคนให้มานั่งฟังด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับจากทั้งสองพระองค์ ไม่ว่าจะการได้ร่วมร้องเพลงกับวง อ.ส. วันศุกร์ ที่ในหลวงทรงแซ็กโซโฟน หรือการที่สมเด็จฯ ทรงคลุมผ้าคลุมไหล่ส่วนพระองค์ให้แม่รี่ เมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าแม่รี่ไม่ได้เตรียมผ้าคลุมไหล่ไปด้วย’ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ท่านถวายงานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ด้วยหัวใจเสมอมา

ความอบอุ่นของคุณสวลี และลูกๆ ทั้ง 3

“ครอบครัวเรา แม่รี่คือที่หนึ่ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราลูกหลานทุกคนพร้อมทิ้งทุกอย่างเพื่อแม่รี่ หลานๆ พร้อมลางานเพื่อคุณย่าคุณยาย เราจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางว่า ‘ถ้าแม่รี่กลับมาบ้านท่านอนุญาตให้แม่รี่เข้าบ้านและอยู่ในบ้านได้ด้วยนะคะ’

และเราทุกคนก็ตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ได้เกิดเป็นแม่ลูกกันทุกชาติไป ชาตินี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook