สวดศพ "ตุ้ม BMW Z4" คืนเดียวจบ เผาวันนี้ แม่ยันลูกไม่ได้รวย รถก็ยังผ่อนไม่หมด

สวดศพ "ตุ้ม BMW Z4" คืนเดียวจบ เผาวันนี้ แม่ยันลูกไม่ได้รวย รถก็ยังผ่อนไม่หมด

สวดศพ "ตุ้ม BMW Z4" คืนเดียวจบ เผาวันนี้ แม่ยันลูกไม่ได้รวย รถก็ยังผ่อนไม่หมด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครอบครัวจัดสวดอภิธรรม ตุ้ม คนขับ BMW Z4 คืนเดียวจบ ก่อนเผาศพวันนี้ แม่วอนหยุดโจมตี ยืนยันครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย

จากกรณี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง หรือ ตุ้ม อายุ 49 ปี ขับรถสปอร์ต ยี่ห้อ BMW รุ่น Z4 เสียหลักข้ามเกาะชนกับรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 180-181 หมู่ 7 ต.ห้วยโป่ง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ฝั่งขาเข้า จ.เพชรบูรณ์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 2 บ้านแสนสุข ต.นาสวรรค์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพสวดอภิธรรมคืนที่แรกและคืนเดียว เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับ นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง หรือ ตุ้ม อายุ 49 ปี เพื่อป้องกันและแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีญาติๆ ทั้งเพื่อนพี่ๆ เพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมเรียน ร.ร.บึงกาฬ มาร่วมงานเป็นจำนวนหนาตา

ส่วน นางแต้ม ภูไชยแสง อายุ 77 ปี แม่ผู้เสียชีวิต ได้กล่าวขอร้องผ่านสื่อว่า อย่ามาโจมตีหรือกล่าวหาว่าพวกตนเป็นคนร่ำรวย แม่ไม่ได้มีเงินทองตามที่เขาว่าหรอก ส่วนลูกชายเวลาหาได้ก็ใช้ไปฟุ้งเฟ้อ ส่วนวันไหนหาเงินไม่ได้ก็ต้องกินมาม่าแทนข้าว บ้านซุกหัวนอนก็ต้องเช่า และรถยนต์คันเกิดเหตุก็ต้องซื้อผ่อน ส่งเขาเดือนละ 40,000 บาท และยังต้องเหลือค่างวดอยู่อีกประมาณ 1 ปีถึงจะจ่ายหนี้งวดรถหมด

เวลาหาเงินมาได้กินเที่ยวไปเรื่อยตามประสาคนหนุ่มที่ไม่มีครอบครัว เงินเก็บออมในธนาคารก็ไม่มี เวลาหาเงินได้ก็ได้เยอะแต่บางเดือนก็ไม่ได้ตลอด หาเงินได้ก็ฝากมาให้แม่ แต่พอไม่มีก็เอาคืนไปเหมือนเดิม ส่วนแม่ก็เป็นยายแก่คนบ้านนอก ไม่มีสมบัติมรดกอะไรตามที่เขาว่าหรือเป็นข่าว

นางแต้ม เล่าต่อไปว่า ตอนที่แข็งแรงเดินไปมาได้สะดวก ลูกชายผู้ที่เสียชีวิตก็ได้มาพาตัวไปร่วมเดินขบวนประท้วงกับกลุ่มเสื้อแดงเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้ไปไหนมาไหนไม่ได้แล้วเพราะเกิดกล้ามเนื้อขาอ่อนแรงไปไหนมาไหนต้องนั่งบนรถเข็นตลอด ไม่คิดว่าลูกชายคนเล็กจะต้องจากไปในวัยอันควร ถ้าหากเขามีชีวิตอยู่ก็จะทำให้แม่มีความสุขได้

ด้าน นายภูริทัต ภูไชยแสง พี่ชายของผู้ตาย กล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะอยู่ในช่วงระหว่างจัดงานศพน้องชาย แต่อย่างไรก็ขอแสดงความเสียใจกับญาติๆ ผู้สูญเสียคู่กรณีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลหนองไผ่ ก็ได้ถามหาคุณพ่อคุณแม่เขาอยู่ว่าได้มาด้วยหรือไม่ แต่เราก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้ ก็เจอแต่ญาติเขา

ด้วยความรีบเร่งจัดการเอาศพออกจากโรงพยาบาลก่อน เพราะบ้านไกล ยิ่งคนอยู่สมุยยิ่งอยู่ไกลต้องออกก่อน แล้วผมก็มาถึงบึงกาฬ 3 ทุ่ม เดินทางเป็นระยะไกลตั้ง 500-600 กิโลเมตร เดินทางมาทั้งวันเลยไม่มีเวลาที่จะต้องดูแลและคุยกันมากนัก

อย่างไรก็ขอฝากประกันทางโน้น หลังจากเสร็จงานฌาปนกิจแล้วค่อยมาคุยและเคลียร์กัน ว่าต้นเหตุสาเหตุข้อเท็จจริงมันคืออะไร ส่วนฝ่ายตำรวจก็บอกว่าให้ดำเนินการจัดการกับศพเรียบร้อยก่อน เพราะว่ายังไม่สามารถสรุปสาเหตุอะไรได้ พยานหลักฐานบางอย่างก็ต้องตามหา และน้องผู้หญิงที่เป็นพยานในเหตุการณ์คนหนึ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บให้เขาหายและให้ปากคำได้ จึงจะได้แนวทาง

แต่ผมก็สงสัยอยู่ว่าการเกิดเหตุครั้งนี้มันเกิดจากนิสัยการขับรถโดยปกติหรือไม่ หรือมีอะไรทำให้รถน้องชายผมได้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจุดนั้นก็เป็นทางตรงมีรถวิ่งผ่านไปมาจำนวนมากประกอบกับเป็นกลางวันทัศนะวิสัยการมองเห็นน่าจะดี น่าจะมีปัจจัยอย่างอื่นมีส่วนทำให้รถน้องชายของผมเกิดอุบัติเหตุได้

อย่างไรเสียผมในฐานะพี่ชายใหญ่ของครอบครัว ต้องแสดงความเสียใจกับคู่กรณี ที่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักของครอบครัว คือแก้วตาดวงใจเหมือนกับครอบครัวผม ซึ่งคุณแม่ก็ได้สูญเสียลูกคนสุดท้อง แต่เบื้องต้นได้ส่งพวงหรีดไปขอคารวะดวงวิญญาณ และก็เป็นการแสดงความเสียใจมีน้ำใจ ตระกูลภูไชยแสง ต้องขอกราบคารวะดวงวิญญาณ และขอขมาดวงวิญญาณ

ซึ่งเราก็มีส่วนผิดตรงที่ว่าเขามามีส่วนมาร่วมชะตากรรมในเหตุการณ์ครั้งนี้ และเราก็เป็นส่วนหนึ่งให้เขาได้มาร่วมชะตากรรม ด้วยบุญด้วยกรรม ซึ่งคุณป้าของฝ่ายคู่กรณีก็พูดดีมีเหตุผลว่ามันเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้เวลานั้นจุดตรงนั้น ทำให้เราต้องเกิดเหตุการณ์อันเลวร้ายในตรงนี้ ซึ่งเราไม่คาดคิด ผมดีใจที่ท่านเข้าใจตรงนั้น

หลังจากดูแลศพน้องและทำการเผาวันพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) โดยปกติต้องเก็บไว้ 3 วัน สวด 3 วัน ถึงจะเผา แต่ที่นี่ทำไม่ได้เพราะติดปัญหาเรื่องโรคระบาดโควิด อยากให้เสร็จอยากให้จบ จะได้มีเวลาติดตามเรื่องคดีตรงนั้น

ด้าน นางจรูญรักษ์ พินาธุวงศ์ พี่สาวของผู้ตาย กล่าวว่า ในฐานะพี่สาวต้องกล่าวขอโทษคู่กรณีและญาติๆ คู่กรณีที่เสียชีวิตทั้ง 2 ครอบครัว ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียใดๆ กับใคร แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องกราบขอโทษและแสดงความเสียใจด้วยต่างฝ่ายต่างก็สูญเสีย อย่างไรต้องกราบขอโทษญาติๆ คู่กรณีอีกครั้งหนึ่งด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook