น้ำเย็น ประโยชน์ที่มากกว่าแค่ความสดชื่น
ถึงแม้ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่บ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการได้ดื่มน้ำเย็นระหว่างการออกกำลังกาย ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและเหมือนได้เติมพลังกลับมาอีกครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่า ประโยชน์ของน้ำเย็นมีอะไรมากกว่าแค่ดับกระหายคลายร้อนให้เราอีกด้วย
นอกจากนั้น วิธีใช้ประโยชน์จากน้ำเย็นก็ไม่ได้มาจากการดื่มเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกวิธีซึ่งนักกีฬาทั่วโลกนิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งข้อดีของน้ำเย็นที่มีต่อการออกกำลังกายมีอะไรบ้างนั้น ติดตามได้ที่นี่
ประโยชน์จากการดื่มน้ำเย็น
1.ลดอุณหภูมิในร่างกาย
ขึ้นชื่อว่าน้ำ ย่อมดีต่อร่างกายไม่ว่าจะดื่มในอุณหภูมิใดก็ตาม น้ำอุ่นหรือน้ำอุณภูมิห้องอาจดูดซึมได้ง่าย แต่น้ำเย็นก็มีดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย เพราะการดื่มน้ำเย็นช่วยลดอุณหภูมิแกนกลางลำตัวได้ดี ลดการเสียเหงื่อ รักษาระดับน้ำในร่างกายได้ดีกว่า ซึ่งส่งผลให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นอีกด้วย
2.ลดการสูญเสียน้ำจากการออกกำลังกาย
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเลือกดื่มน้ำเย็นในการออกกำลังกายมากกว่านั่นก็คือรสชาติ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าผู้คนราว 50 เปอร์เซ็นต์เลือกดื่มน้ำเย็นในการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬา เนื่องจากน่าดื่มมากกว่า นอกจากนั้นยังทำให้เสียเหงื่อน้อยกว่า โดยในงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการดื่มน้ำเย็นช่วยลดการเสียน้ำในร่างกายจากการออกกำลังกายถึง 1.3 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ขณะที่การเสียเหงื่อเล็กน้อยเพียง 2 เปอร์เซ็นต์จากน้ำหนักตัวสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาได้เลยทีเดียว ส่วนวิธีวัดว่าคุณเสียน้ำในร่างกายไปเท่าไหร่นั้น ให้ชั่งน้ำหนักตัวเองก่อนและหลังออกกำลังกาย ซึ่งแต่ละปอนด์ที่คุณเสียไปกับเหงื่อต้องชดเชยด้วยการดื่มน้ำ 16 ถึง 24 ออนซ์
3.เผาผลาญแคลอรี
ข้อดีอีกอย่างของการดื่มน้ำเย็นคือการเผาผลาญแคลอรี เพราะเราจำเป็นต้องใช้พลังงานเพื่อทำให้น้ำเย็นอุ่นเท่ากับอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งในปี 2013 มีการวิจัยด้วยการให้อาสาสมัครสุภาพสตรี 50 คน อายุระหว่าง 18-23 ปี ดื่มน้ำ 1.5 ลิตรก่อนทานอาหารแต่ละมื้อครึ่งชั่วโมง พบว่าช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงเล็กน้อย
ดื่มน้ำเมื่อไหร่ดี?
บรู๊กส์ ชานต์ซ นักโภชนาการที่ได้รับการรับรอง และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการการกีฬา ให้คำแนะนำว่า เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ควรจะดื่มน้ำแก้วใหญ่ (16 ออนซ์) 2 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย จากนั้นดื่มแก้วปกติ (8 ออนซ์) ราว ๆ 10 หรือ 20 นาทีล่วงหน้า และขณะที่ออกกำลังกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อน ควรจะหยุดจิบน้ำอย่างน้อย ๆ ทุก 15 นาที หรือ 20 นาที
นอกจากการดื่มน้ำเย็นแล้ว การแช่ตัวในน้ำเย็น หรือการอาบน้ำเย็น หลังจากออกกำลังกาย มีประโยชน์อย่างชัดเจน และปัจจุบันการบำบัดด้วยน้ำเย็นกำลังได้รับความนิยมอย่างมากไม่ว่าจะเป็น อินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ เซเล็บคนดัง นักกีฬา และผู้ฝึกสอน
ประโยชน์จากการอาบน้ำเย็น
1.ลดอาการปวดของกล้ามเนื้อ
ถึงแม้ยังมีนักวิจัยถกเถียงกันในเรื่องรายละเอียด แต่จากการศึกษาพบว่านักกีฬาที่แช่ตัวในน้ำเย็นเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หลังการออกกำลังกายมีอาการปวดกล้ามเนื้อน้อยลงหลังจากนั้น โดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์อธิบายสาเหตุว่า น้ำเย็นจะทำให้หลอดเลือดของเราตีบ ลดการไหลเวียนของเลือด เหมือนเวลาเราเอาน้ำแข็งไปประคบบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งช่วยลดอาการบวมและการอักเสบ
2.ลดอุณหภูมิในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
มีผลวิจัยระบุออกมาอย่างชัดเจนว่า การแช่น้ำเย็นช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายได้เร็วกว่าการพักในสิ่งแวดล้อมที่เย็นสบาย โดยมีหลักสำคัญคือการเอาตัวลงไปแช่ในน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่แค่การให้น้ำเย็นไหลผ่านส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเท่านั้น
3.อาจช่วยลดอาการซึมเศร้า
แม้น้ำเย็นไม่สามารถรักษาสภาพจิตใจใด ๆ ได้ แต่มีกรณีศึกษาที่ระบุว่า การว่ายน้ำเย็นในแหล่งน้ำเปิดหรือทะเลสาบช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลสำหรับผู้ป่วยบางคนได้ และยังมีการศึกษาที่นักวิจัยพบว่าการอาบน้ำเย็นวันละ 2 ครั้งช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย
4.อาจช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
มีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าการบำบัดด้วยน้ำเย็นสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับความเจ็บป่วยในทางทฤษฎี ขณะที่ผลการศึกษาอื่น ๆ จากแหล่งที่เชื่อถือได้ระบุว่าการอาบน้ำเย็นทุกวันเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านเนื้องอกได้
5.ช่วยลดน้ำหนัก?
ถึงแม้ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนเรื่องนี้ได้โดยตรง แต่จากการศึกษาพบว่าการแช่ตัวในน้ำเย็นช่วงเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย โดยมีงานวิจัยในปี 2009 เปิดเผยว่า การแช่ตัวในน้ำอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียสช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่เชื่อถือได้ว่าการแช่ตัวในน้ำแข็งซ้ำ ๆ มีผลให้น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด
วิธีการอาบน้ำเย็นหลังออกกำลังกาย
หลังเสร็จสิ้นการออกกำลังกายอย่างหนัก ให้เปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อคูลดาวน์ลดอัตราการเต้นของหัวใจราว 5-10 นาที ก่อนจะยืดกล้ามเนื้อเพื่อช่วยขจัดกรดแลคติกป้องกันอาการบอบช้ำ ส่วนตอนอาบน้ำให้เริ่มจากน้ำอุ่นเพื่อป้องกันอาการช็อกจากการเปลี่ยนอุณหภูมิแบบฉับพลัน ก่อนจะค่อย ๆ ปรับให้เย็นขึ้น และในช่วง 90 วินาทีสุดท้าย ปรับอุณภูมิน้ำลงให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทนได้ เน้นไปที่กล้ามเนื้อบริเวณหลัก ๆ เพื่อคืนความสดชื่นและคืนพลังงานให้กับกล้ามเนื้อที่อ่อนล้า
ส่วนการแช่น้ำแข็งหรือ Ice bath นั้น น้ำควรจะมีความเย็นอยู่ที่ 10-15 องศาเซลเซียส ควรแช่อยู่ในน้ำราว 10-15 นาที และควรลงแช่หลังเสร็จสิ้นการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาให้เร็วที่สุด ไม่ควรทิ้งห่างถึง 1 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะใช้วิธีบำบัดด้วยน้ำเย็นหรือการแช่น้ำแข็ง ควรปรึกษาแพทย์เพราะมีผลต่อความดันเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ และระบบไหลเวียนโลหิต ที่อาจสร้างภาระให้กับหัวใจอย่างหนัก รวมทั้งควรมีผู้เฝ้าดูอาการเพื่อช่วยเหลือได้ทันท่วงที