เมื่อตับอักเสบจาก "ยา"

เมื่อตับอักเสบจาก "ยา"

เมื่อตับอักเสบจาก "ยา"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตับ เป็นอวัยวะสีน้ำตาลแดงเหมือนคอนโดมิเนียมแปดหลังเรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยมมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม หรือประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว แบ่งง่ายๆคือตับซีกซ้าย ตับซีกขวา โดยตับซีกขวาครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 80% ของตับทั้งหมด

ตับวางตัวอยู่ในช่องอกด้านขวาโดยมีกระดูกซี่โครงเป็นกำแพงปกป้องตับ  ตับเป็นอวัยวะที่มีค่าไม่น้อยกว่าหัวใจหรือสมอง ตับทำหน้าที่สร้างสารอาหาร (โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต) สร้างน้ำดี สร้างภูมิต้านทาน นอกเหนือจากนั้นตับยังมีหน้าที่ทำลายพิษทั้งหลายที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น ยา สารเคมี แอลกอฮอล์ ดังนั้นภาวะใดๆ ก็ตามที่ทำให้ตับอักเสบก็ย่อมทำให้หน้าที่ดังกล่าวเบื้องต้นบกพร่องหรือทำไม่ได้

 

ตับอักเสบ หมายถึง โรคที่เกิดจากเซลล์ของตับมีอาการอักเสบหรือบาดเจ็บ หรือถูกทำลายจนส่งผลให้การทำงานของตับผิดปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ สำหรับในประเทศไทยที่พบบ่อย คือ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบการดื่มแอลกอฮอล์ ยาและสารพิษ อาหารเสริม สมุนไพร

ยาในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ชนิด สามารถทำให้ตับอักเสบได้ ในต่างประเทศนั้น มากกว่าครึ่งตับวายเฉียบพลันเกิดจากยา และสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพาราเซตามอล

 

สาเหตุของตับอักเสบจากยาที่พบบ่อย

- ยาปฏิชีวนะ ยารักษาวัณโรค ยาต้านเชื้อรา

- ยาบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอล

- สมุนไพร

- อาหารเสริม และไวตามิน

 

ผลเสียที่เกิดจากตับอักเสบ

- ตับอักเสบเฉียบพลัน

- ตับวาย

- ตับอักเสบเรื้อรัง

- ตับแข็ง

 

จากรายงานในต่างประเทศพบว่าผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคตับอักเสบจากยาจนต้องนอนโรงพยาบาลมีประมาณ 0.1-3% และมีคนตายจากยาเนื่องจากตับวายเฉียบพลันประมาณ 10%

เคล็ดลับง่ายๆ ในการทานยาให้ปลอดภัยจากตับอักเสบ คือการทานยาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ทานยามากเกินความจำเป็น และใครที่ต้องทานยาเป็นประจำเนื่องจากโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว และทานยาตามเวลา ในขนาดที่ระบุบนซองอย่างเคร่งครัด

 

อ่านต่อ >>

ยาพาราเซตามอล เม็ดเดียว หรือ 2 เม็ดดี?

“พาราเซตามอล” กินพร่ำเพรื่อ เสี่ยงตับพัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook