วิจัยชี้ กินยาแก้ซึมเศร้านานๆ อาจทำให้ "เซโรโทนิน" ลดลง
สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เผยผลการศึกษาล่าสุด พบว่า ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างสารเซโรโทนินกับโรคซึมเศร้า ไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าโรคซึมเศร้าเกิดจากระดับของเซโรโทนินที่ต่ำลง และกินยาแก้ซึมเศร้านานๆ อาจทำให้เซโรโทนินลดลง
ที่มาของการศึกษานี้มาจากการทบทวน วิเคราะห์ข้อมูลจากงานศึกษาต่างๆ 17 การศึกษาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนำมาสรุป
สาเหตุของการเกิดโรคซึมเศร้า
ปัจจุบันเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย
- ปัจจัยทางชีวภาพ (การเปลี่ยนแปลงในระดับยีนส์, การทำงานของสมอง, การทำงานของสารสื่อประสาทต่างๆ เช่น เซโรโทนิน โดปามีน นอร์เอพิเนฟรีน และอื่นๆ)
- ปัจจัยทางด้านจิตสังคม (ความเครียด การเลี้ยงดู และสิ่งแวดล้อม)
ปัจจัยทั้ง 2 ส่วนก็ส่งผลต่อกันจนปลายทางทำให้เกิดความเป็นโรคซึมเศร้าขึ้น
เรื่องสาเหตุของการเกิดโรคเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และยังมีรายละเอียดอีกมากที่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคต ไม่ได้เกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว
การรักษาโรคซึมเศร้า
ทางการแพทย์จะใช้การรักษาวิธีต่างๆ ร่วมกันได้แก่
- การใช้ยาแก้ซึมเศร้า ซึ่งไปปรับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านชีวภาพ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว และก็มีหลายการศึกษาที่ยืนยันประสิทธิภาพของยาแก้ซึมเศร้าในการใช้ยา ในส่วนของกลไกว่ายาช่วยได้อย่างไร ก็เป็นสิ่งที่ยังมีการศึกษาวิจัยเรื่อยๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคำอธิบายถึงเรื่องนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปตามองค์ความรู้ที่ค้นพบขึ้นเรื่อยๆ และยังคงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ
- การรักษาทางด้านจิตสังคม เช่น การทำจิตบำบัด การให้คำปรึกษา รวมถึงการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเครียด เป็นต้น
- การรักษาวิธีอื่นๆ เช่น การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy), การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Transcranial magnetic stimulation) เป็นต้น
วิธีการต่างๆ เหล่านี้มีงานวิจัยที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการรักษาโรคซึมเศร้าอย่างชัดเจน
ดังนั้นเราไม่สามารถสรุปได้ว่า การรักษาด้วยยาแก้ซึมเศร้าไม่มีประโยชน์ สำหรับทางการแพทย์ก็ยังเป็นเรื่องน่าสนใจว่า กลไกที่แท้จริงของการเกิดโรค และยารักษาโรคยังมีเรื่องให้ศึกษาและทำความเข้าใจอีกมาก หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษา แนะนำให้พูดคุย และทำความเข้าใจร่วมกับจิตแพทย์ที่ดูแลรักษาอยู่จะดีที่สุด