แพทย์เตือน เด็ก "กัดเล็บ-ดูดนิ้ว" เสี่ยง "ฟันผิดรูป"
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/6/34213/bite-nails.jpgแพทย์เตือน เด็ก "กัดเล็บ-ดูดนิ้ว" เสี่ยง "ฟันผิดรูป"

    แพทย์เตือน เด็ก "กัดเล็บ-ดูดนิ้ว" เสี่ยง "ฟันผิดรูป"

    2022-05-29T15:54:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    พฤติกรรมเด็กเล็กกัดเล็บ ดูดนิ้ว เสี่ยงฟันผิดรูป ฟันซ้อนเก ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตและใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากเด็กตั้งแต่มีฟันซี่แรก และพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจและรับคำแนะนำ

    นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการกัดเล็บและดูดนิ้วมือของเด็กว่า เป็นพฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญและหมั่นใส่ใจ พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากและฟันของลูกมีผลต่อการเรียงตัวของฟัน ทำให้ฟันหน้ายื่นหรือฟันไม่สบกัน ฟันสึกมากกว่าปกติ ฟันห่างหรือมีการกลืนผิดปกติ จากการใช้ลิ้นดันฟันหน้า โดยการแสดงออกด้วยการดูดนิ้ว อมมือ หรือกัดเล็บ อาจเกิดจากภาวะที่เด็กมีความกังวล จึงทำเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเอง และบางพฤติกรรมอาจทำให้กลายเป็นนิสัยติดตัวลูกไปจนโต

    นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพและเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ไวรัสหรือเชื้อโรคที่ติดมากับซอกเล็บหรือนิ้วมือ ทั้งนี้ผู้ปกครองควรนำบุตรหลานพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพฟัน และฝึกลูกให้เป็นนิสัย เพราะการใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่วัยเด็ก จะช่วยส่งผลต่อสุขภาพในช่องปากที่ดีในอนาคตเมื่อเข้าสู่วัยทำงานหรือวัยผู้สูงอายุอีกด้วย

    ทันตแพทย์หญิงสุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมที่เด็กดูดนิ้วมือ กัดเล็บกัดริมฝีปาก หรือใช้ลิ้นดุนฟัน หากผู้ปกครองพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว ควรฝึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูก เพราะอาจส่งผลต่อการเรียงตัวของฟัน เสี่ยงต่อการเกิดฟันสึก ฟันห่าง ฟันไม่สบกัน และในระยะยาว อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการบดเคี้ยวได้ โดยหากพบว่าลูกมีฟันที่ล้มเอียง ผิดรูปทรง ควรได้รับการรักษาทางทันตกรรมเพื่อแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้น

    การดูแลสุขภาพช่องปาก ควรดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ระยะฟันน้ำนม เพราะจะช่วยให้ฟันแท้ขึ้นในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่มีปัญหาการบดเคี้ยว สามารถออกเสียงได้ชัดเจน ซึ่งหากเกิดปัญหา หรือมีการสูญเสียฟันน้ำนมไปก่อนกำหนด อาจทำให้ฟันแท้ซ้อนเก หรือขึ้นไม่ได้จนกลายเป็นฟันฝังได้ ทั้งนี้ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานมาพบทันตแพทย์ตั้งแต่อายุ 6 เดือน หรือเมื่อมีฟันน้ำนมขึ้นซี่แรก เพื่อรับคำแนะนำในการแปรงฟัน การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี การปรับพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ และตรวจสุขภาพฟัน

    ทั้งนี้ควรเริ่มแปรงฟันทันทีเมื่อเด็กมีฟันน้ำนมขึ้นซี่แรก อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม ขนละเอียด หัวแปรงต้องมีขนาดพอดีกับช่องปากเด็กและใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์1,000 ppm ในปริมาณที่เหมาะสมในเด็กแต่ละช่วงอายุ และที่สำคัญควรพาบุตรหลานไปพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจฟันเป็นประจำทุก 3-6 เดือน

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์,ทันตแพทย์หญิงสุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม

    ภาพ :iStock