วัคซีนเข็มที่ 3 เข็มบูส จำเป็นหรือไม่ เหมาะกับใครบ้าง

วัคซีนเข็มที่ 3 เข็มบูส จำเป็นหรือไม่ เหมาะกับใครบ้าง

วัคซีนเข็มที่ 3 เข็มบูส จำเป็นหรือไม่ เหมาะกับใครบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีวัคซีนที่อาจเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงเมื่อติดโรคโควิด-19 โดยประชากรในประเทศไทยเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม มากกว่า 42 ล้านคน และมีผู้ได้รับวัคซีน บูสเตอร์ (booster) หรือบูสเตอร์โดส เข็มที่ 3 มากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งวัคซีนบูสเตอร์ อาจมีความจำเป็นในการป้องกันโควิดสายพันธ์ุใหม่ที่ก่อตัวขึ้นและระบาดในวงกว้าง เช่น เดลต้า (Delta) โอมิครอน (Omicron) อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นว่าตนเองนั้นเหมาะที่จะเข้ารับการฉีดหรือไม่ และควรเลือกวัคซีนชนิดใดเป็นเข็มบูสเตอร์

การฉีดวัคซีน บูสเตอร์ (booster)

การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ (booster) หรือบูสเตอร์โดส คือ การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็มแรกตามกำหนด เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ประสิทธิภาพของวัคซีนในการเสริมภูมิคุ้มกันอาจค่อย ๆ ลดลง การฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์จึงอาจช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ป้องกันโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ อาจเป็นวัคซีนชนิดเดียวกับวัคซีน 2 เข็มแรก หรือวัคซีนต่างชนิด ทั้งนี้คุณหมออาจพิจารณาจากอายุ และภาวะสุขภาพของผู้ที่ได้รับวัคซีน

วัคซีนบูสเตอร์ที่ใช้ในประเทศไทย

วัคซีนบูสเตอร์ที่ใช้ในประเทศไทย มีดังนี้

  1. แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) เป็นวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัท แอสตราเซเนกา และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University) ประเทศอังกฤษ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด

แอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและช่วยบรรเทาอาการรุนแรงจากโควิด-19 ประมาณ 63.09% และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังฉีด ดังนี้

  • หน้ามืด
  • อัตราการการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลง
  • มีไข้
  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดท้อง
  • หายใจถี่
  • ผื่นขึ้น
  • ริมฝีปาก ใบหน้า ลำคอบวม
  1. ไฟเซอร์ (Pfizer) เป็นวัคซีนจากบริษัท ไฟเซอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำการทดลองร่วมกับ บริษัท ไบออนเทค (BioNTech) ประเทศเยอรมนี เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปและสตรีตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคปอด โรคตับ

ไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาอาการรุนแรงจากการติดโควิด-19 ประมาณ 95% และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังฉีด ดังนี้

  • รู้สึกปวดกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด
  • ปวดศีรษะ มีไข้
  • ท้องเสีย
  • เหนื่อยล้า
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  1. โมเดอร์นา (Moderna) เป็นวัคซีนจากบริษัท โมเดอร์นา ประเทศสหรัฐอเมริกา เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และโรคภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน

โมเดอร์นามีประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาอาการรุนแรงจากการติดโรคโควิด-19 ประมาณ 90-94.1% และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังฉีด ดังนี้

  • ปวดกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด
  • มีไข้ หนาวสั่น
  • ปวดศีรษะ
  • เมื่อยล้า
  • คลื่นไส้ อาเจียน

หลังฉีดวัคซีน หากมีอาการรุนแรงนอกเหนือจากที่ระบุข้างต้น ควรเข้าพบคุณหมอในทันที ก่อนเกิดอันตรายต่อสุขภาพ

วัคซีนเข็ม บูสเตอร์ ควรฉีดตอนไหน

การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ในแต่ละบุคคลมีระยะเวลาไม่เท่ากัน เนื่องจากมีปัจจัยของระยะเวลาการฉีด และชนิดของวัคซีนที่ได้รับ 2 เข็มแรกมาเกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานการเว้นระยะการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม ดังนี้

  • ซิโนแวค (Sinovac) + ซิโนแวค (Sinovac) หากเข็มบูสเตอร์เป็น แอสตร้าเซนเนก้า หรือไฟเซอร์ ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดซิโนแวคเข็มสุดท้าย เป็นเวลา 4 เดือน สำหรับผู้ที่เลือกวัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มบูสเตอร์ ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย 4 สัปดาห์ขึ้นไป หรือตามดุลยพินิจของคุณหมอ
  • ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) + ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) หากเข็มบูสเตอร์เป็น แอสตร้าเซนเนก้า หรือ ไฟเซอร์ ควรเว้นระยะห่างการฉีดซิโนฟาร์มเข็มสุดท้าย เป็นเวลา 4 เดือน สำหรับผู้ที่เลือกวัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มบูสเตอร์ ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย 4 สัปดาห์ขึ้นไป หรือตามดุลยพินิจของคุณหมอ
  • แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า หากเข็มบูสเตอร์เป็นไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย 6 เดือน ขึ้นไป หรือตามดุลยพินิจของคุณหมอ
  • ไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ หากเข็มบูสเตอร์เป็นโมเดอร์นา ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย 6 เดือนขึ้นไป หรือตามดุลยพินิจของคุณหมอ
  • ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เช่น ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า หากเข็มบูสเตอร์เป็นโมเดอร์นา ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย 3-6 เดือนขึ้นไป หรือตามดุลยพินิจของคุณหมอ

วัคซีนบูสเตอร์ เหมาะกับใครบ้าง

วัคซีนบูสเตอร์อาจเหมาะกับบุคคลต่อไปนี้

  1. ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
  2. ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีภาวะสุขภาพซึ่งเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สูง เช่น ติดเอชไอวี โรคลูปัส โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อยู่ในช่วงรักษามะเร็ง ปลูกถ่ายอวัยวะ
  3. เจ้าหน้าที่หน่วยงานสาธารณสุขที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19
  4. ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนตามกำหนดครบ 2 เข็ม
  5. ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ
  6. ผู้ที่ควรฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ตามดุลยพินิจของคุณหมอ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook