3 อาการอื่นๆ ของ “โควิด-19” นอกจากมีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/4/21729/cough.jpg3 อาการอื่นๆ ของ “โควิด-19” นอกจากมีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ

    3 อาการอื่นๆ ของ “โควิด-19” นอกจากมีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ

    2020-04-10T06:00:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    นอกจากมีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก และหายใจเหนื่อยหอบแล้ว ยังพบว่าอาจมีอาการอื่นๆ ที่แสดงออกมาหลังจากที่เราติดโควิด-19 ด้วย


    แม้ว่าอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) จะเป็นที่รู้กันว่าจะต้องมีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ และหายใจเหนื่อยหอบ แต่จากการเก็บข้อมูลของผู้ป่วยมาเรื่อยๆ จากทั้งในไทย และทั่วโลก พบว่ายังมีอาการอื่นๆ ที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถแสดงออกมาได้ แม้ว่าจะไม่มีไข้ หรือไม่มีอาการคล้ายไข้หวัดเลยก็ตาม


    สูญเสียความสามารถในการได้กลิ่น-รับรส

    สมาคมแพทย์ American Academy of Otolaryngology – Head and Neck Surgery จากสหรัฐฯ ระบุว่า มีหลักฐานพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่สูญเสียประสาทรับรสและได้กลิ่น เช่นเดียวกับรายงานทางการแพทย์จากเกาหลีใต้ จีน เยอรมนี และอิตาลี ที่ยืนยันด้วยว่า พบตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มีภาวะรับรู้กลิ่นและรสต่างๆ ได้ลดลง หรือสูญเสียประสาทรับกลิ่นรสไปแบบเฉียบพลันทันที และมีผู้ป่วยที่แสดงอาการเช่นนี้ทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ที่พบผู้ป่วยโควิด-19 ราว 30% ที่มีภาวะจมูกไม่ได้กลิ่นหรือลิ้นไม่รู้รส

    ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย ก็ออกประกาศว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการสูญเสียการรับรส และได้กลิ่นมากถึง 2 ใน 3 และในผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ไอ จาม เจ็บคอ เหนื่อยหอบไม่มากนัก มีโอกาสที่พบอาการสูญเสียการรับรู้รส และการได้กลิ่นได้ราว 30% เช่นกัน โดยอาจพบได้ในผู้ที่ติดเชื้อใน 1-7 วันแรก และอาจจะมีอาการรับรู้รส-กลิ่นน้อยลง ไปจนถึงไม่สามารถรับรู้รส-กลิ่นได้เลย ดังนั้นหากใครที่ไม่สามารถรับรู้รส-กลิ่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน และคิดว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงใดๆ ควรรีบพบแพทย์


    ท้องเสีย มีปัญหาในระบบย่อยอาหาร

    งานวิจัยที่เตรียมตีพิมพ์ลง The American Journal of Gastroenterology เผยว่า ในผู้ติดเชื้อบางรายอาจแสดงอาการอื่นๆ เป็นอาการแรกๆ ก่อนที่จะเริ่มมีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งหนึ่งในอาการแรกๆ ที่อาจพบได้ อาจเป็นอาการท้องเสีย และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร โดยทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศจีน พบว่า จากผู้ป่วยทั้งหมด 206 คน มีผู้ที่มีปัญหากับระบบย่อยอาหารถึง 117 คน และในจำนวนนี้ ราว 67 คน (58%) มีอาการท้องเสีย และ 13 คน (20%) มีอาการท้องเสียเป็นอาการแรกที่เริ่มมีอาการป่วย นอกจากนี้ยังพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่มีอาการท้องเสียทั้งหมดไม่เคยมีไข้เลยอีกด้วย


    ตาแดง

    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารไวรัสวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่า พบอาการตาแดงจากเยื่อบุตาอักเสบเล็กน้อยในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชาวจีนจำนวน 1 คน จากทั้งหมด 30 คน และอีก 28 คนพบเชื้อไวรัสในสารคัดหลั่งจากดวงตา ในขณะที่งานวิจัยอีกฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์นิวอิงค์แลนด์ก็พบอาการตาแดง 9 รายจากผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด 1,099 รายเช่นเดียวกัน

    และนอกจากละอองฝอยจากน้ำลายแล้ว ละอองของเหลว หรือสารคัดหลั่งจากดวงตา ก็อาจแพร่เชื้อจากผู้ป่วยคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้เช่นกัน (เช่น ผู้ป่วยเอามือขยี้ตา แล้วสัมผัสสิ่งของต่างๆ)

    แม้จะพบได้ไม่บ่อยนัก และอาจไม่ใช่อาการที่แสดงการติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างชัดเจน แต่แพทย์สหรัฐฯ ก็แนะนำว่า หากมีอาการตาแดงร่วมกับอาการมีไข้ หายใจลำบาก และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ก็ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจอาการอย่างละเอียดด้วย


    อย่างไรก็ตาม อาการที่สังเกตได้ชัดยังคงเป็นอาการคล้ายไข้หวัด มีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ เหนื่อยหอบ แต่หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ และตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เพิ่งพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ มา กินข้าวดื่มน้ำจากแก้ว จาน ชาม ช้อน หลอดเดียวกัน เพิ่งกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เพิ่งมาจากพื้นที่ที่ประกาศว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ที่ทำงาน หรือที่พักอาศัย ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยเร็ว