“ท้องเสีย-ถ่ายเหลว” ควรใช้ยาอะไรบ้าง?
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/3/16281/car-a-bon.jpg“ท้องเสีย-ถ่ายเหลว” ควรใช้ยาอะไรบ้าง?

    “ท้องเสีย-ถ่ายเหลว” ควรใช้ยาอะไรบ้าง?

    2023-04-15T12:05:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ไม่ว่าจะฤดูไหน ในเมืองไทยก็เสี่ยงอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว หรืออาหารเป็นพิษได้ทั้งปี เพราะอากาศร้อนชื้นในบ้านเราทำให้อาหารเน่าเสียได้ง่าย อาหารบางประเภทมีเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ภายในไม่กี่นาทีที่ทำเสร็จแล้วตั้งทิ้งไว้โดยไม่อุ่นร้อน หรือนำเข้าตู้เย็น (>> อาหารเสี่ยง “ท้องเสีย-ท้องร่วง-อาหารเป็นพิษ” ช่วงหน้าร้อน) หากมีอาการท้องเสียแล้ว ควรกินยาอะไรบ้าง และควรปฏิบัติอย่างไรถึงจะถูกต้อง


    ถ่ายแบบไหน ถึงเรียกว่า “ท้องเสีย”

    อาการท้องเสีย คือการถ่ายเหลวเป็นน้ำ หรือมีกากใยอาหารเพียงเล็กน้อย โดยหากมีอาการถ่ายในลักษณะนี้มากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง สันนิษฐานได้ว่ากำลังมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น

    >> “ท้องเสีย” แบบไหน ถึงต้องกินยาปฏิชีวนะ?


    “ท้องเสีย-ถ่ายเหลว” ควรใช้ยาอะไรบ้าง?

    ผงเกลือแร่โออาร์เอส (ORS)

    สรรพคุณ : ชดเชยการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่จากการถ่ายเหลวบ่อยๆ

    วิธีใช้

    • เทผงเกลือแร่ลงในแก้ว เติมน้ำดื่มสะอาด หรือน้ำต้มสุกลงไปตามปริมาณที่ระบุเอาไว้ในฉลากผลิตภัณฑ์ (ซองยา) ดื่มจนหมด หรือค่อยๆ จิบถ้ามีอาการคลื่นไส้


    ยาผงถ่าน (คาร์บอน)

    สรรพคุณ : ลดอาการแน่นท้อง และทำให้อุจจาระเหลวน้อยลง (ไม่ใช่ยาหยุดถ่าย)

    วิธีใช้

    • ดูวิธีกินจากฉลากของยา เพราะยาผงถ่านมีหลายชนิด แต่โดยทั่วไปจะเป็นการกินที่ครั้งละ 2 เม็ด หรือ 3-4 เม็ด ทันทีที่มีอาการ

    • กินทุกๆ 3-4 ชั่วโมง ตามความรุนแรงของอาการท้องเสีย

    • หากยังถ่ายบ่อย หรือยังถ่ายเป็นน้ำอยู่ ให้กินยาให้ถี่ขึ้น

    • ไม่ควรกินยาผงถ่านเกินวันละ 16 เม็ด

    ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา : ยาคาร์บอน ไม่ใช่ “ยาหยุดถ่าย” เป็นเพียงยาที่เข้าไปช่วยดูดซับสารเคมี สารพิษ รวมถึงเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษออกมาผ่านอุจจาระ อาจช่วยลดอาการถ่ายท้องในรายที่ป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียได้

    หากเป็นอาการท้องเสียที่ไม่ได้มีการติดเชื้อ (ถ่ายเหลว แต่ไม่ได้ปวดบิด อาเจียน หรือมีไข้ร่วมด้วย) ร่างกายจะค่อยๆ หยุดถ่ายไปได้เอง อาจไม่จำเป็นต้องทานยาคาร์บอน เราควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากการถ่าย เพื่อป้องกันอาการช็อกจากการขาดน้ำกะทันหันแทน (ทั้งนี้ หากถ่ายเกิน 10 ครั้งแล้วอ่อนเพลียมาก ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการถ่ายเหลวในครั้งนั้นๆ จะดีกว่า)

    >> ยา “คาร์บอน” แก้ท้องเสีย กินอย่างไรให้ถูกต้อง?


    ยาโลเพอราไมด์

    เช่น อีโมเดียม หรือโลเพอราไมด์ จีพีโอ

    สรรพคุณ : ใช้ในกรณีที่จิบน้ำเกลือแร่ และกินยาผงถ่านแล้วยังไม่ดีขึ้น

    วิธีใช้

    • ห้ามกินหากถ่ายเป็นมูกเลือด

    • กิน 2 เม็ดในครั้งแรก และกินซ้ำครั้งละ 1 เม็ดทุกครั้งที่ถ่ายเหลว

    • ห้ามกินเกิน 8 เม็ดต่อวัน

    หากทำทั้ง 3 วิธีนี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง

    ข้อควรระวัง : ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะรับประทานเอง ควรขอคำปรึกษาจากเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนรับประทานทุกครั้ง โดยเฉพาะยาหยุดถ่าย และยาฆ่าเชื้อ เพราะเสี่ยงอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น ยาหยุดถ่ายอาจทำให้ร่างกายขับเชื้อโรคออกมาได้ไม่หมด (หากเป็นอาการท้องเสียจากอาการติดเชื้อ ร่างกายจะพยายามกำจัดเชื้อโรคด้วยการขัยถ่าย) หรือยาฆ่าเชื้อ หากกินเมื่อไม่ได้มีเชื้อโรคอะไร หรือรับประทานไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ เป็นต้น

    >> ท้องเสีย ไม่จำเป็นต้องทานยาฆ่าเชื้อ เสี่ยงเอ็นอักเสบ-เอ็นขาดทั้งตัว

    >> อาการท้องเสียแบบไหน? ต้องใช้ “ยาฆ่าเชื้อ”

    >> “ท้องเสีย” ควร-ไม่ควรทานอาหารอะไรบ้าง?

    >> วิธีดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการ "ท้องร่วง-ท้องเสีย"

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :ผศ.นพ. พิสนธิ์ จงตระกูล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

    ภาพ :iStock