ใครที่ไม่เคยเป็นขนคุดเลยถือว่าโชคดีมาก เพราะได้เป็นเจ้าของผิวเนียนเรียบสวยไปตลอดทั่วเรือนร่าง แต่หากใครที่รู้จักมักจี่กับเจ้า “ขนคุด” นี้เป็นอย่างดี คงจะต้องเสียใจ และกังวลใจว่าเจ้าขนคุดนี้ทำให้ผิวหนังเป็นปุ่มนูนไม่สวยงาม
แต่คุณทราบหรือไม่ว่า ขนคุด แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
โรคขนคุด (Keratosis Pilaris) เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเซลล์ผิวหนัง ที่ส่งผลให้บริเวณนั้นเกิดการสะสมของเคราตินจนเข้าไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เส้นขนไม่สามารถออกมางอกเหนือพ้นรูขุมขนที่บริเวณชั้นผิวด้านนอกได้ สัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้ หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพบโรคขนคุดในคนที่ป่วยโรคภูมิแพ้ และหากใครที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคขนคุด ก็จะมีความเสี่ยงในโรคนี้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะเป็นโรคที่สืบทอดผ่านพันธุกรรมได้นั่นเอง
โรคขนคุด อาจเจอได้บ่อยในวัยรุ่น ทั้งเพศหญิง และเพศชาย อายุ 13-23 ปี และจะมีอาการเป็นๆ หายๆ แต่อาการทั้งหมดจะดีขึ้น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
ภาวะขนคุดที่ผู้หญิงหลายๆ คนเป็นกันอยู่ เกิดจาก
การโกนย้อนแนวขน แม้ว่าหลายคนจะคิดว่าทำให้โกนขนได้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น แต่การโกนย้อนแนวขนทำให้เส้นขนเหลือสั้นมากเกินไป จนทำให้มีความเสี่ยงที่เส้นขนจะงอกแล้วมุดเข้าไปโตในผิวหนังจนกลายเป็นขนคุดได้ นอกจากนี้การโกนขนด้วยใบมีด 2-4 ชั้น ที่ช่วยให้โกนขนได้เรียบเนียนขึ้น หมายถึงการโกนขนให้สั้นมากจนเกินไป อาจส่งผลให้เกิดขนคุดตามมาได้เช่นกัน
ขนคุดที่เกิดจากภาวะขนคุด จะเห็นเป็นตุ่มนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ เพราะเกิดจากเส้นขนย้อนกลับไปงอกใต้ผิวหนัง อาจเกิดเป็นตุ่มแดงอักเสบ และมีอาการเจ็บเล็กน้อยได้ เพราะเส้นขนที่งอกยาวใต้ผิวหนังตลอดเวลาทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้
สำหรับขนคุดที่เกิดจากโรคขนคุด ที่เกิดจากเส้นขนไม่สามารถออกมางอกเหนือพ้นรูขุมขนที่บริเวณผิวชั้นนอกได้ เนื่องจากรูขุมขนอุดตันจากเคราตินที่เข้าไปสะสมอยู่ จะเกิดเป็นตุ่มเล็กๆ ไม่เรียบเนียน เหมือนหนังไก่ที่ถูกถอนขน อาจมีอาการคันเล็กน้อย หรือไม่มีอาการคันเลยก็ได้ หากมีอาการรุนแรงอาจพบเป็นตุ่มแดงอักเสบได้เช่นกัน
ปกติแล้วอาการขนคุดสามารถหายไปได้เองเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่หากมีอาการรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด และทำการรักษาตามขั้นตอน และอาการที่เกิดขึ้น เช่น ให้ยาลดเคราตินเพื่อลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน หรือหากเป็นขนคุดที่มีการอักเสบ และติดเชื้อแบคทีเรีย ก็ต้องเพาะเชื้อให้ทราบว่าเป็นเชื้อชนิดใด และให้ยารักษาให้ถูกชนิด เป็นต้น