6 สิ่งต้องห้าม! ผิดกฎหมายหากทำกับ “ป้ายทะเบียนรถ” ระวังโดนปรับไม่รู้ตัว

6 สิ่งต้องห้าม! ผิดกฎหมายหากทำกับ “ป้ายทะเบียนรถ” ระวังโดนปรับไม่รู้ตัว

6 สิ่งต้องห้าม! ผิดกฎหมายหากทำกับ “ป้ายทะเบียนรถ” ระวังโดนปรับไม่รู้ตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ป้ายทะเบียน" เป็นอีกสิ่งที่บอกว่ารถคันนี้ใครเป็นเจ้าของ การเลือกหลายคนก็ใช้ผ่านเว็บไม่ก็ให้คนที่รู้จักไปจอง แต่เชื่อว่าหลายคนก็เลือกที่แต่งรถและการที่เลือก "ของแต่ง" ให้กับรถที่ช่วยเสริมความหล่อให้กับรถคันโปรด แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การปรับแต่งหรือแม้แต่การละเลยป้ายทะเบียนเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ โดนเรียกปรับหน้าด่าน หรืออาจมีโทษหนักถึงขั้นจำคุก!

วันนี้ Sanook Auto จะมาเผย 6 สิ่งยอดฮิตที่หลายคนทำกับป้ายทะเบียน ทั้งโดยตั้งใจและไม่รู้ตัว แต่ดัน "ผิดกฎหมาย" เต็มๆ

6 สิ่งที่ผิดกฎหมายหากทำกับป้ายทะเบียน 

1. นำสติ๊กเกอร์ไปปิดที่ตัวอักษร หรือ ภายในป้าย

สิ่งแรกที่ผิดก่อนคือ การนำอะไรปบังป้ายทะเบีนเช่น กรอบป้ายที่มีลวดลายไปบังตัวอักษร หรือหมายเลขจนทำให้สื่อสารผิด หรือสติ๊กเกรอ์ไปปแะจนเกิดการสะท้อนแสงรวมถึงปล่อยให้สกปรกจนมองไม่เห็น หรือทำป้ายเอียงอันนี้อันตรายและผิดกฎหมาย

โดยข้อกฏหมายที่ผิดคือ พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ระบุว่ารถที่จดทะเบียนแล้วต้องมีและแสดงแผ่นป้ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง การปิดบังหรือบดบังถือว่ามีความผิด 

2. ใช้ "ป้ายทะเบียนปลอม" 

อีกความผิดร้ายแรงที่สุด! "ป้ายปลอม" ในที่นี้หมายถึงหลายสิ่งเช่น

  • ป้ายที่ทำขึ้นเอง โดยไม่ได้ออกจากกรมการขนส่งทางบก
  • การสวมทะเบียน คือการเอาป้ายทะเบียนของรถคันอื่น (ที่อาจมีรุ่นและสีเดียวกัน) มาใส่รถของตัวเองเพื่อกระทำความผิด
  • การแก้ไขตัวเลข เช่น ขูด ขีด หรือใช้สีเติมตัวเลขเดิมให้เป็นเลขอื่น

สิ่งเหล่านี้แม้ว่าจะไม่ได้ผิดตาม พ.ร.บ. รถยนต์ แต่เข้าข่าย "ปลอมแปลงเอกสารราชการ" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ซึ่งมีโทษทีหนักกว่า

3. ดัดแปลงสภาพป้ายทะเบียน 

สายซิ่งหรือสายแต่งบางคนอาจชอบความแตกต่าง แต่การดัดแปลงเหล่านี้ผิดกฎหมายชัดเจนเช่น

  • พับมุมป้าย / ตัดขอบป้าย เพื่อให้มีขนาดเล็กลง หรือใส่ในกรอบแต่งได้
  • ทำป้ายทะเบียนยาวสไตล์ยูโร (Euro Style) โดยนำป้ายมาตรฐานไปอัดกรอบบีบตัวอักษรให้เรียงยาว
  • ทำสีใหม่ เช่น พ่นตัวอักษรหรือตัวเลขเป็นสีอื่นที่ต่างจากเดิม

การกระทำทั้งหมดนี้ไม่ได้ผิดเรื่อง พ.ร.บ. รถยนต์ แต่ว่าก็ยังถือว่าผิดเพราะเป็นการ  "เปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต" มีความผิดตาม พ.ร.บ. รถยนต์

license_plate_01 

4. ป้ายชำรุด สีซีดจาง จนมองไม่เห็น 

ป้ายทะเบียนที่ผ่านการใช้งานมานาน โดนแดดโดนฝนจนสีซีดจาง หรือเกิดอุบัติเหตุจนป้ายบิดเบี้ยว อ่านไม่ออก หากเจ้าของรถไม่ดำเนินการขอเปลี่ยนใหม่ ก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน เพราะถือว่า "แสดงป้ายทะเบียนไม่ชัดเจน"

หากรู้ตัวว่าป้ายเริ่มซีดอาจจะถูกตำรวจตักเตือนก่อนที่จะจับปรับ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท

5. ไม่ติดป้ายทะเบียน หรือติดแค่ด้านหน้า

จริงอยู่ว่าทุกวันนี้ การจับเรื่องของการฝ่าฝืนสัญญาณไฟ มักจะถ่ายรูปหลังรถ จนทำให้ บางคนเลือกที่จะถอดป้ายทะเบียนออก เพราจะหลีกเลี่ยงเรื่องกล้องแต่รู้หรือไม่ว่าการไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายที่มีสิทธิ์ที่จะถูกปรับได้เช่นกัน

6. ใช้ "ป้ายแดง" ผิดวัตถุประสงค์ 

ป้ายแดง คือป้ายที่อนุญาตให้ใช้ "ชั่วคราว" เพื่อการนำรถไปจดทะเบียน หรือนำรถไปซ่อมแซมเท่านั้น แต่หลายคนกลับใช้ป้ายแดงนานเป็นเดือนเป็นปีเพื่อรอเลขประมูล หรือจงใจใช้เพื่อหลบเลี่ยงกฎจราจรไม่ว่าจะเป็น

  • การใช้ป้ายแดงในเวลากลางคืน (หลังพระอาทิตย์ตก) ถือว่าผิดกฎหมาย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
  • การใช้ป้ายแดงขับข้ามจังหวัด โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ลงบันทึกในสมุดคู่มือ (เล่มสีน้ำตาล)
  • การใช้ป้ายแดงเกินกำหนดเวลา (ปกติคือ 30 วันนับจากวันรับรถ)

 ข้อห้ามทะเบียนรถข้อห้ามทะเบียนรถ

บทลงโทษหากทำผิด

เรื่องทั้งหมดหลายคนคิดว่าเล็กน้อยปรับไม่เท่าไหร่ แต่ล่าสุดนี้ต้องคิดกันใหม่เพราะว่าค่าปรับแต่ละแบบนั้นก็ไม่เหมือนกัน โดยมีบทลงโทษที่ต้องรู้ดังนี้

1. กลุ่มความผิดเล็กน้อย

  • ปิดบัง บดบัง ป้ายชำรุด สีซีดจาง ดัดแปลงป้าย (พับ, ตัด) หรือไม่ติดป้ายทะเบียน
  • บทลงโทษ: มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522)

2. กลุ่มใช้ป้ายแดงผิดประเภท 

  • ใช้ป้ายแดงโดยไม่ได้รับอนุญาต (เช่น ขับกลางคืน หรือใช้เกิน 30 วัน)
  • บทลงโทษ: มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

3. กลุ่มความผิดร้ายแรง (ป้ายปลอม) 

  • ใช้ป้ายทะเบียนปลอม หรือสวมทะเบียน
  • บทลงโทษ: เข้าข่ายปลอมแปลงและใช้เอกสารราชการปลอม มีโทษ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท 

ดังนั้นแล้ว ผู้ใช้รถควรจะใส่ใจกับ ป้ายทะเบียนรถยนต์เพราะเป็นเอกสารที่เหมือนกับ "บัตรประชาชน" ของรถ การดูแลให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ชัดเจน และถูกต้องตามที่กรมการขนส่งฯ ออกให้ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถทุกคน ที่ต้องดูแล และทำให้ถูกกฎอยู่เสมอนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม:

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล