อาการ “ขาอยู่ไม่สุข” โรคสร้างความรำคาญ ทำคุณภาพชีวิตแย่

อาการ “ขาอยู่ไม่สุข” โรคสร้างความรำคาญ ทำคุณภาพชีวิตแย่

อาการ “ขาอยู่ไม่สุข” โรคสร้างความรำคาญ ทำคุณภาพชีวิตแย่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาการขาอยู่ไม่สุขรู้สึกว่ามีอะไรมาไต่ที่ขา ขากระตุกหรือบางทีกระตุกที่แขน มักเกิดขึ้นเฉพาะเวลากลางคืน ทำให้ต้องขยับขา ลุกเดิน นอนไม่หลับ ทำให้คุณภาพการนอนแย่ลง ผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์

อาการขาอยู่ไม่สุข คืออะไร?

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวว่า กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุขหรือโรค (RLS) RESTLESS LEG  SYNDROME เป็นกลุ่มอาการที่คนไข้รู้สึกว่า มีการรับรู้ผิดปกติบริเวณขา เช่น เหมือนมีอะไรมาไต่ที่ขาร่วมกับบางครั้งมีการกระตุกของขา อาการมักเกิดขึ้นช่วงเอนตัวนอนโดยเฉพาะเวลากลางคืน ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าต้องขยับขา ลุกขึ้นเดิน เพื่อลดอาการ ซึ่งอาการดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยต้องตื่นกลางดึกอยู่บ่อยๆ 

ความรุนแรงของโรคจะไม่แตกต่างระหว่างคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึงสองเท่า นอกจากนี้ยังพบในผู้ที่เป็นโรคไต และผู้ที่มีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก


สาเหตุของอาการขาอยู่ไม่สุข

นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของอาการขาอยู่ไม่สุข เกิดจากสารเคมีที่สมองสร้างที่เรียกว่าโดพามีนมีปริมาณน้อยลง โดยอาจเป็นจากภาวะความเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น โรคพาร์กินสัน หรือการได้รับยาที่ทำให้โดพามีนในร่างกายลดลง หรือระบบรักษาสมดุลของธาตุเหล็กในร่างกายผิดปกติ ผู้ป่วยควรมาพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยจะได้รับการประเมินภาวะซีด ภาวะการขาดธาตุเหล็ก การทำงานของไต และระบบประสาท เพื่อหาสาเหตุก่อนเริ่มให้การรักษา 


การรักษาอาการขาอยู่ไม่สุข

ยาที่ใช้รักษาอาการขาอยู่ไม่สุข เพื่อเพิ่มสารโดพามีนในกระแสเลือด ลดอาการผิดปกติที่ขาและขากระตุก ดังนั้นผู้ป่วยควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองถึงแม้ว่า อาการขากระตุกหรือขาอยู่ไม่สุขดังกล่าว จะเป็นอาการที่ไม่อันตราย แต่จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตในการนอนลดลงทำให้นอนไม่หลับ จึงควรควบคุมอาการเพื่อให้คุณภาพชีวิตการนอนดีขึ้น หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจประเมินและพาคนใกล้ชิด มาพบแพทย์ด้วยเพื่อจะได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการรักษา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook