โรคกลัวการตกหลุมรัก โรคประหลาดที่มีผู้ป่วยมากขึ้นทุกวัน
เราคงเคยได้ยินโรค Phobia กลัวสิ่งประหลาดๆ บนโลกใบนี้มามากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าโรค Phobia ที่กำลังมีผู้ป่วยมากขึ้นทุกวันในปัจจุบันนี้ คือ "Philophobia" หรือ "โรคกลัวการตกหลุมรัก" ที่ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นพล็อตซีรีส์หนังมากกว่าจะเป็นโรคจริงๆ เมื่อถึงตอนจบพระเอกหรือนางเอก ก็จะเป็นผู้เยียวยาด้วยการแต่งงานสร้างครอบครัวแฮปปี้เอ็นดิ้งกันไป แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะผู้ป่วยอาจไม่มีทางรักษาโรคนี้หายได้
โรคกลัวการตกหลุมรัก คืออะไร?
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าโรคนี้ เป็นโรค Phobia ประเภทหนึ่ง จะอธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ก็คือโรคกลัวการได้รับความรัก ความเอาใจใส่จากคนรอบข้าง ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทิ้งไป หรือที่เรียกกันว่าถูกเท และยังมีบางกรณีที่อาจจะเสียชีวิตจากกันไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะพยายามปิดกั้นใจและตัวเองจากความรักทุกประเภท จนดูเหมือนเป็นคนเย็นชาและไม่ชอบการเข้าสังคม
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกลัวการตกหลุมรัก
ในทางแพทย์ก็ได้มีการศึกษาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกลัวความรัก ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้ ดังต่อไปนี้
- เกิดจากการฝังใจกับเหตุการณ์บางอย่างในวัยเด็ก - เช่น ครอบครัวไม่อบอุ่น พ่อแม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ หรืออาจเกิดการสูญเสียตั้งแต่วัยเด็ก พ่อหรือแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตา เป็นต้น
- ปัญหาของวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น ที่มีเกี่ยวกับความรัก - ในบางพื้นที่ อาจจะมีวัฒนธรรมหรือประเพณีในเรื่องของความรักอย่างเข้มงวด เช่น พิธีสตีของหญิงที่สามีเสียชีวิต หรือการแต่งงานแบบคลุมถุงชน จึงทำให้เกิดความหวาดกลัวจนฝังใจ จนไม่กล้าที่จะทำความรู้จักกับความรักด้วยตัวเอง
- การอกหัก หรือประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับความรัก - บางคนอาจจะต้องพบเจอกับความรู้สึกผิดหวัง หรืออกหักทั้งที่ตัวเองทำดีที่สุดแล้วอยู่บ่อย ๆ และกลัวว่าจะต้องมาเจอเรื่องซ้ำซากแบบนี้บ่อยครั้ง รวมทั้งเริ่มรู้สึกว่าอยู่คนเดียวก็สามารถมีความสุขได้ จึงเลือกที่จะปิดกั้นการเข้ามาทำความรู้จักของคนใหม่ ๆ และกลัวความรักไปในที่สุด
อาการของผู้ป่วยโรคนี้
- ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่เข้าสังคม
- ไม่ชอบไปสถานที่ ที่มีคู่รักไปเยอะๆ
- ไม่เปิดใจ ไม่สบตา ไม่พยายามทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ
- เมื่อเจอคนจีบซึ่งๆ หน้า อาจเกิดอาการเครียด หน้ามืด เป็นลมได้
ลองสังเกตอาการตัวเองและคนรอบข้างให้ดี ว่ามีใครกำลังเป็นโรคนี้อยู่หรือไม่ และถ้าหากมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า ก็ควรรีบไปพบจิตแพทย์ทันที เพื่อจะได้ทำการบำบัดจิตใจเพื่อรักษาอาการกันต่อไป