ส้นเท้าแตก ดูแลได้ด้วย 5 วิธีนี้

ส้นเท้าแตก ดูแลได้ด้วย 5 วิธีนี้

ส้นเท้าแตก ดูแลได้ด้วย 5 วิธีนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัญหาเรื่องส้นเท้าแตก อาจจะสร้างความปวดหัวให้กับสาว ๆ หลายคนไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อต้องถอดรองเท้าต่อหน้าคนอื่น ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้ถูกล้อเลียนได้ แต่ในบางคนที่มีอาการหนักอาจถึงขั้นส้นเท้าแตกจนมีเลือดซึมและรู้สึกเจ็บเวลาเดินได้ จะหาครีมหรือหายาอะไรมาทาก็ทุเลาได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เราจึงขอแนะนำ 5 วิธีดูแลส้นเท้าแตกง่าย ๆ หายได้จริงดังต่อไปนี้

1.เปลือกกล้วยหอมช่วยได้

นอกจากประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการทานกล้วยหอมแล้ว เปลือกของมันก็มีค่าอย่างยิ่ง สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องส้นเท้าแตก เพียงแค่เอาเปลือกด้านในมาขัด ๆ ถู ๆ บริเวณที่มีรอยแตกประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำบ่อย ๆ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็เห็นผลแล้ว

2.ทำสปาเท้าด้วยการแช่ในน้ำอุ่น

เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ใครหลายคนรู้ แต่มักจะไม่ได้ผล เคล็ดลับก็คือควรแช่เท้าอย่างน้อย 15 นาที แล้วใช้หินขัดเท้าถูเบา ๆ จนผิวหนังที่มีรอยแตกและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกไป จากนั้นก็ทาครีมบำรุงตามปกติ ทำบ่อย ๆ ก็สามารถหายขาดได้ และยังช่วยผ่อนคลายความเมื่อยจากการทำงานอีกด้วย

3.สปาเท้าสูตรพิเศษ

ถ้าหากแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นแล้ว ยังไม่หายจริง ๆ ก็ลองเพิ่มตัวช่วย ซึ่งก็คือน้ำยาบ้วนปากและน้ำส้มสายชูผสมรวมกับน้ำอุ่นจัด แล้วแช่เท้าลงไป 15-20 นาที พร้อมกับขัดส้นเท้าด้วยหินไปด้วย สูตรนี้ไม่เพียงแต่รักษาโรคส้นเท้าแตกเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษากลิ่นเท้าอีกด้วย

4.อย่าเดินเท้าเปล่า

วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องส้นเท้าแตก คืออย่าสัมผัสกับพื้นโดยตรง หรืออย่าเดินเท้าเปล่านั่นเอง ให้ซื้อสลิปเปอร์หรือรองเท้าใส่เดินในบ้านมาใส่จะช่วยได้ดีขึ้น และถ้าหากนอนในห้องแอร์หรืออยู่ในช่วงที่มีอากาศเย็น ก็ควรใส่ถุงเท้านอนเพื่อรักษาความอบอุ่นให้กับเท้า จะช่วยสมานรอยส้นเท้าแตกที่เกิดขึ้นด้วย

5.ลดความอ้วน

คงจะมีหลาย ๆ คนที่สงสัยอย่างแน่นอน ว่าความอ้วนมาเกี่ยวข้องอะไรด้วยกับส้นเท้าแตก แต่อันที่จริงแล้ว คนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ ๆ ก็มักจะลงน้ำหนักไปที่เท้ามากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย ๆ จึงเป็นเหตุให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกได้นั่นเอง ถึงแม้จะเป็นเพียงวิธีรักษาโดยอ้อม แต่ก็ได้ประโยชน์หลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ และยังทำให้หุ่นดีอีกด้วย

แต่ถ้าหากใครที่ลองทั้ง 5 วิธีนี้แล้ว ยังไม่หาย หรือยังมีอาการอักเสบจนถึงขั้นแตกแบบเลือดซิบ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง ส่วนใครที่ยังไม่เป็นโรคนี้ แต่อยากป้องกันไว้ก่อน ก็สามารถใช้ทั้ง 5 วิธีนี้ในการบำรุงส้นเท้าได้เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook