สารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์จะทำให้มีการใช้พลังงานมากกว่าปกติจากเดิมถึง 15% เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นรวมถึงอัตราความดันโลหิตที่มีมากขึ้นเพื่อให้เลือดนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงลูกน้อยภายในครรภ์ และร่างกายจะทำการปรับตัวเพื่อรองรับลูกน้อยจึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณมากขึ้น คุณแม่จึงต้องรับประทานอาหารให้มากขึ้นกว่าเดิมและต้องดูแลในเรื่องของสารอาหารให้ได้อย่างครบถ้วนด้วย โดยสารอาหารสำคัญที่ควรได้รับมีหลักๆ ดังนี้

โปรตีน
สารอาหารที่จำเป็นในอันดับแรกคือ โปรตีนที่จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและสมองให้แก่ลูกน้อย คุณแม่ควรจะรับประทานโปรตีนให้ได้มากกว่า 3 ชนิดต่อวันทั้งจากเนื้อสัตว์และโปรตีนจากพืช ควรเน้นรับประทานเนื้อปลาที่นอกจากจะให้โปรตีนแล้วยังให้สารอาหารโอเมก้า 3 ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างระบบประสาททำให้ลูกน้อยได้มีพัฒนาการที่ดีอีกด้วย

คาร์โบไฮเดรต
ขุมพลังงานสำคัญที่จำเป็นต่อคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ สารอาหารหมู่นี้จะทำให้คุณแม่ได้มีพละกำลังในการทำกิจกรรมในระหว่างวัน แต่ก็ควรควบคุมประเภทของอาหารที่จะรับประทานด้วยเพราะอาจจะก่อเป็นผลเสียได้เช่น อาหารจำพวกนม ไข่ เต้าหู้ และธัญพืช ซึ่งอาหารเหล่านี้จะให้พลังงานและสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ไปพร้อมๆกันไม่ทำให้เกิดไขมันส่วนเกิน และสะสมภายในร่างกายทำให้มีน้ำหนักมากเกินไปได้

วิตามินและเกลือแร่
อาหารที่แนะนำคือ ผักใบเขียว ผักสีเหลือง สีส้ม และสีแดง เช่น มะเขือเทศ พริกหยวก ฝรั่ง แตงโม แครอท มะม่วง ส้ม องุ่น ถั่ว เงาะ มังคุด แอปเปิ้ล สับปะรด และกล้วย เป็นต้น คุณแม่สามารถเลือกรับประทานตามรสชาติที่ถูกใจได้เลยเพราะอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่จำเป็นต่อคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ มีสารอาหารที่จำเป็นเช่นแคลเซียม ธาตุเหล็ก หรือวิตามินซี เป็นต้น จะช่วยให้กระดูกและฟันของเจ้าตัวเล็กแข็งแรงและสมบูรณ์ และขอนำให้คุณแม่ออกมาเดินเลนรับแสงแดดในยามเช้าเพื่อจะได้รับวิตามินดีจากแสงแดด ช่วยให้แคลเซียมได้ถูกดูดซึมไปใช้ได้อย่างเต็มที่

ธาตุเหล็ก
สารอาหารที่ขาดไม่ได้คือ ธาตุเหล็กที่จะช่วยบำรุงเลือดให้กับคุณแม่ เป็นสารอาหารจำเป็นอย่างมากสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เพราะร่างกายจะนำเลือดไปหล่อเลี้ยงลูกน้อยของเราในครรภ์ อาหารที่มีธาตุเหล็กอยู่มากคือ ตับ ไข่แดง เนื้อแดง เนื้อปลา ใบกระเพรา ใบขี้เหล็ก ใบคื่นฉ่าย และชะอม เป็นต้น

อาหารเหล่านี้คุณแม่ควรจะได้รับในทุกๆวันเพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารหารที่เพียงพอ และช่วยให้คุณแม่ไม่อ่อนแอ อ่อนแรง และไม่เหนื่อยง่าย อีกทั้งยังช่วยดูแลลูกของคุณได้เป็นอย่างดีให้ลูกน้อยของคุณได้มีสุขภาพและพัฒนาการอย่างสมบูรณ์ไม่เสี่ยงต่อการพิการทั้งด้านสมองและร่างกาย