รู้ไหม... คุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคอะไรอยู่

รู้ไหม... คุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคอะไรอยู่

รู้ไหม... คุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคอะไรอยู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าคุณคิดว่าตัวเองแข็งแรงอายุก็ยังไม่มาก เราคงไม่เป็นโรคอะไรหรอก รอไว้แก่ๆ ก่อนค่อยดูแลตัวเองก็ได้จริงๆ แล้วรู้มั้ยว่าเรามีสิทธิ์เป็นโรคนั้นโรคนี้มากมาย โดยเฉพาะแต่ละช่วงอายุที่แตกต่างกัน เรามาดูกันว่าผู้หญิงควรดูแลตัวเองและระวังโรคอะไรบ้าง



อายุ ๑๗-๒๐ ปี วัยนักศึกษาที่ต้องทำกิจกรรมมากมาย

๑. สิว เกิดจากอายุช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกายค่อนข้างมาก
ดูแลตัวเองง่ายๆ ซื้อยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของยาแก้อักเสบมาใช้ ล้างหน้าให้สะอาดโดยเฉพาะหลังแต่งหน้า อย่าแกะสิวจะทำให้เป็นรอยหลุมบนหน้า อย่านอนดึกและทานอาหารที่มีวิตามินซี ผักหรือผลไม้มากๆ
ระวัง ถ้าเป็นสิวมากและไม่หายอย่าปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้กิดการติดเชื้อที่ผิวหน้า แย่กว่านั้นอาจลุกลามทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตได้เลย

๒. แผลในกระเพาะอาหาร หลายคนลดความอ้วนเพราะอยากผอม หรือไม่ก็ทานอาหารไม่เป็นเวลาบ่อยๆ ทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เพราะร่างกายหลั่งกรดออกมาแล้วไม่มีอาหารเข้าไปให้ย่อย กรดก็เลยเข้าไประคายเคืองเยื่อบุที่ช่องกระเพาะอาหาร ทำให้ปวดท้องโดยเฉพาะกลางดึกหรือช่วงตี ๑ ตี ๒
ดูแลตัวเองง่ายๆ อย่าอดอาหารเลยแค่เปลี่ยนมาทานอาหารให้น้อยลง หรือใช้วิธีแบ่งมื้อย่อยเพิ่มขึ้นเป็น ๔-๕ มื้อต่อวัน งดอาหารรสจัด ชา กาแฟ น้ำอัดลม เพราะจะกระตุ้นให้หลั่งกรดมากเกินไป จนทำให้ปวดท้องแล้วทานยาลดกรดร่วมแล้ว ถ้าอาการไม่ดีขึ้นค่อยไปพบคุณหมอ
ระวัง ถ้าปล่อยให้ปวดท้องนานๆ จะทำให้แผลในกระเพาะลุกลามเป็นมะเร็งหรือเนื้องอกได้

๓. โรคภูมิแพ้จมูก จะรู้สึกคัดจมูกหรือจามบ่อยเวลาโดยฝุ่นควัน หรืออยู่ในที่ที่อากาศเย็น
ดูแลตัวเองง่ายๆ หมั่นทำความสะอาดที่นอน เพราะอาจมีไรฝุ่นหรือเปลือกแมลงสาบตกค้างอยู่ ทำให้เยื่อจมูกระคายเคือง แล้วก็ต้องออกกำลังกายเพิ่มภูมิต้านทาน ทานวิตามินซีจะช่วยลดภูมิแพ้ทางจมูกได้ ถ้ายังไม่ดีขึ้นให้พบคุณหมอ จะได้ยาทานและยาพ่นจมูกมาช่วย
ระวัง ถ้าไม่รักษาเยื่อบุจมูกจะอักเสบจนกลายเป็นริดสีดวงจมูกได้ โรคนี้จะเหมือนมีก้อนองุ่นใสๆไปอุดอยู่ในช่องจมูก ทำให้คัดจมูก หายใจไม่ออก มีปัญหาในการรับและดมกลิ่น บางคนอาจนอนกรนด้วย

๔. ไซนัสอักเสบ ถ้าโดยฝุ่นควันมากๆ จะทำให้เยื่อบุโพรงอากาศในช่องจมูกสองข้าง โหนกแก้ม หน้าผาก หรือบริเวณฐานสมอง อักเสบแรกๆ จะรู้สึกเหมือนเป็นหวัด (ปกติจะหายใน ๓-๔ วัน) แต่ผ่านไป ๕-๗ วันแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น น้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีเขียว หรือสีเหลืองคล้ายหนอง ปวดแถวดั้งจมูกหรือโหนกแก้ม บางคนอาจปวดร้าวที่หน้าผากแล้วก็มีมูกไหลลงคอ มีกลิ่นคาวในจมูก และการได้กลิ่นก็ลดด้วย
ดูแลตัวเองง่ายๆ ต้องนอนพักให้พอ หมั่นออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า หลีกเลี่ยงที่ที่มีฝุ่นควันเพราะจะทำให้ติดเชื้อมากขึ้น ดูแลช่องปากและฟันให้สะอาดเพราะถ้าฟันผุก็อาจทำให้เกิดการอักเสบของไซนัสได้ ถ้ารู้สึกปวดให้ใช้ Hot Pack โปะทิ้งไว้ที่ที่ปวด จะช่วยลดอาการปวดได้
ระวัง คนที่เป็นไซนัสมักจะเป็นโรคภูมิแพ้จมูกด้วย ทางที่ดีควรพบคุณหมอไม่งั้นอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนกลายเป็นไซนัสอักเสบขึ้นที่ตา หรือที่สมอง มีฝีหนองเกิดขึ้น คุณหมอจะให้ทานยาแก้อักเสบ ๑๐-๑๔ วัน และจะมีน้ำเกลือสำหรับล้างจมูก จะช่วยจับเสมหะหรือน้ำมูกที่อยู่ในช่องจมูก

๕. โรคหูชั้นนอกอักเสบ บางคนที่ว่ายน้ำบ่อยหรือปั่นหูแคะหูบ่อยเกินไป อาจทำให้เยื่อบุช่องหูด้านนอกถลอก จะรู้สึกปวดที่ช่องหู บางคนอาจมีน้ำหรือหนองไหลออกมาจากช่องหูด้วย
ดูแลตัวเองง่ายๆ ต้องหลีกเลี่ยงการปั่นหูแคะหู แล้วก็ใช้ยาแก้อักเสบมาหยอดหู
ระวัง ถ้าเป็นนานๆ จะมีโอกาสติดเชื้อรุนแรงในช่องหูด้านนอกที่จะลามออกมาที่ใบหูได้

๖. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่าง โรคหนองใน หูดหงอนไก่ หรือ โรคเอดส์
ดูแลตัวเองง่ายๆ จริงๆ ถ้าไม่มีเพศสัมพันธ์ได้ก็จะดีเวพราะยังอยู่ในวัยเรียน แต่ถ้ามีจริงๆ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์ จะช่วยป้องกันโรคและป้องกันการตั้งครรภ์ได้ด้วย
ระวัง การทานยาคุมหรือฉีดยาคุมไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดเชื้อที่ผ่านเข้าทางช่องคลอดหรือมดลูกได้



อายุ ๒๑-๒๕ ปี ช่วงเรื่มต้นทำงานเข้าสังคมใหม่
๑.ข้ออักเสบ สาวออฟฟิศที่ใส่ส้นสูงบ่อยๆ จะเป็นมากที่สุด ยิ่งใส่นานข้อก็ยิ่งเสื่อมหรือปวดข้อได้
ดูแลตัวเองง่ายๆ ในหนึ่งอาทิตย์ให้พักเท้าด้วยการใส่รองเท้าส้นเตี้ยสัก ๒-๓ วัน ทานอาหารที่มีส่วนผสมของแคลเซียม อย่างนม หรือแคลเซียมเม็ด จะช่วยป้องกันและลดอาการข้อเสื่อมได้ บริหารข้อได้ด้วยการว่ายน้ำ เวลาปวดท้องให้ใช้ Hot หรือ Cool Pack ประคบตรงที่ปวด
ระวัง น้ำหนักตัวมากๆ ก็มีส่วนทำให้การกดทับที่ข้อและทำให้ปวดมากขึ้นได้

๒. โรคเครียด อาจเพราะเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ทำให้รู้สึกเครียดง่าย
ดูแลตัวเองง่ายๆ ทานอาหารที่มีวิตามินบี จะช่วยบำรุงสมองและช่วยคลายเครียดได้ อย่างกล้วยหอมจะมีสารอาหารที่ช่วยลดความเครียดได้ หลีกเลี่ยงชา กาแฟ ที่กระตุ้นให้เครียดเพิ่มขึ้น หาเวลาไปออกกำลังกาย หลังทำงานต่อเนื่อง ๒-๓ ชั่วโมงให้หยุดพักเดินไปเดินมา หรือฟังเพลงสัก ๑๐ นาที จะช่วยให้เครียดน้อยลง
ระวัง ถ้าปล่อยให้ตัวเองเครียดมากๆ นอกจากงานจะออกมาไม่ดีแล้ว คุณจะรู้สึกหงุดหงิดอารมณเสีย ชีวิตไม่สดใส และพาลจะทำให้คนรอบข้างเครียดไปด้วย

๓. มะเร็ง จริงๆ แล้วอายุที่เริ่มมีความเสี่ยงจะเป็นโรคมะเร็งก็คือ ๓๐-๔๐ ปี แต่ถ้าไม่ดูแลตัวเองก็อาจเป็นได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือเที่ยวดึกดื่น
ดูแลตัวเองง่ายๆ ควรพักผ่อนให้เพียงพอเข้านอนช่วง ๔ ทุ่ม ที่ร่างกายมีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ งดสูบบุหรี่ หรืองดดื่มเหล้า จะได้ไม่สะสมจนกลายเป็นมะเร็ง ทำให้ผิวไม่ดี หน้าตาไม่สดใส
ระวัง ถ้าเป็นคนไม่สูบบุหรี่ แต่อยู่ในที่ที่เจอควันบุหรี่มากๆ จะทำให้การสะสมในปอด ทำให้เป็นถงลมโป่งพอง หรือถ้าเป็นคนสูบบุหรี่เองก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดได้ง่ายและเป็นถุงลมโป่งพองเมื่ออายุมากขึ้น ส่วนคนที่ทานเครื่องดื่มแอลกฮอล์มากๆ การทำงานของตับก็จะถูกทำลาย และเป็นโรคตับแข็งได้


อายุ ๒๖-๒๙ ปี เริ่มก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เริ่มสร้างครอบครัว
๑.โรคความดันโลหิตสูง
ดูแลตัวเองง่ายๆ หาเวลาออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบหมู่ ทานผักผลไม้ให้มากขึ้น งดอาหารที่มีไขมันสูง อย่างของทอดๆ มันๆ ถ้างดได้ก็จะดี
ระวัง ส่วนใหญ่จะเป็นในคนอายุ ๓๐-๔๐ ปีขึ้นไป แต่ถ้าไม่ดูแลตัวเองก็เป็นได้ ทางที่ดีควรตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้งตอนอายุใกล้ ๓๐ ปี เพราะนอกจากจะเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว อาจเสี่ยงเป็นโรคหัวใจหรือโรคหัวใจขาดเลือดตามมาด้วย

๒. ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก
ดูแลตัวเองง่ายๆ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงของตัวเองบ่อยๆ ถ้าตกขาวกลิ่นเหม็นกว่าปกติ หรือกลายเป็นสีขาวเหลือง เหลืองปนเขียว และมีอาการคันร่วมด้วย มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เวลามีประจำเดือนเลือดไหลมากผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อเช็คว่ามีการติดเชื้อหรือเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือเปล่า
ระวัง ผู้หญิงจะเป็นมากในช่วงอายุ ๔๐-๖๐ ปี แต่ก่อนหน้านั้นอาจเกิดการสะสมตั้งแต่อายุน้อยได้ ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์หรืออายุ ๓๐-๓๕ ปีขึ้นไป ควรไปตรวจมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละครั้ง




ขอบคุณข้อมูล : http://www.teenpath.net/
ขอบคุณภาพประกอบ : Getty Images

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook