“ไบร์ท พิชญทัฬน์” งานข่าวคือส่วนหนึ่งของชีวิต

“ไบร์ท พิชญทัฬน์” งานข่าวคือส่วนหนึ่งของชีวิต

“ไบร์ท พิชญทัฬน์” งานข่าวคือส่วนหนึ่งของชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากชีวิตนิสิตที่เลือกเดินบนเส้นทางความชอบ และค้นหาตัวเองพบในการทำงานพิธีกรและงานสายข่าว ไบร์ท พิชญทัฬน์ จันทร์พุฒ จึงเลือกเขียนจดหมายสมัครเข้าไปอ่านข่าวรายการ ข่าวเที่ยงวัยทีน ช่อง ITV ที่เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาลองเข้าไปหาประสบการณ์ในยุคนั้น หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็เริ่มเข้าสู่บทบาทพิธีกรรายการ เจาะลึก ครม. และนั้นก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งสำคัญเมื่อ ไบร์ท พิชญทัฬน์ ได้รับโอกาสจาก คุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดังที่เลือกให้เธอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวข่าว เรื่องเล่าเช้านี้  Sanook! Women ได้รับโอกาสพูดคุยกับเธอถึงบทบาท หน้าที่ การเรียนรู้ที่ผ่านมา จนทำให้เธอกลายเป็นพิธีกรข่าวสาวคนดังของเมืองไทย

จุดเริ่มต้นของเข้ามาเป็นพิธีกรรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” มันเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร

“ทีมงานโทรมาแรกๆ ก็อึ้งๆ ไปเขาบอกว่าทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้นะ ไบร์ทก็ค่ะๆ เขาก็ถามน้องเคยดูไหมคะ รู้จักไหมคะ ตอนนั้นสะพายกระเป๋าและก็ถืออะไรอยู่ซักอย่างเพิ่งขึ้นมาจากลิฟต์ กำลังจะไปทำงานที่ช่องสปริงนิวส์ ไบร์ทอ่านข่าวช่อง 11 ด้วย ช่องสปริงนิวส์ด้วย กำลังจะไปแปลข่าว พอได้รับโทรศัพท์ก็วางของทุกอย่างลง อะไรนะคะ แอบๆ พูดไม่ให้ใครได้ยินด้วย ยังไงนะคะ ค่ะๆ ได้ค่ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในสองอาทิตย์ค่ะ ก็ไปแคสนัดเจอลองดูว่านั่งคุยกับพี่ยุทธแล้วเป็นยังไง ต่อข่าวกันได้ไหมและก็เริ่มงานเลยวันที่ 3 มกราคม ปี 54 ตื่นเต้นมากค่ะ”

คุณต้องนั่งอ่านข่าวข้างๆ คุณสรยุทธ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง

“โอ้โห นั่งอ่านคู่กับคุณสรยุทธมันก็มีเกร็งๆ จังหวะเราจะจับกันได้ไหม แต่พี่ยุทธจะพยายามช่วยผ่อนคลายให้เรารู้สึกดี ให้เรารู้สึกว่ามันไม่เป็นอะไรนะ เขาช่วยพยุงอยู่ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป รวมถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงจากคนเก่ามาคนใหม่ ไบร์ทก็เข้าใจนะคะว่าพี่กุ๊กเขาทำมาได้ดีมาก ทุกๆ ท่านก่อนหน้าไบร์ทมีมาตรฐานทำมาได้ดีหมด เราก็รู้สึกกดดันนิดนึงว่าเราจะทำได้อย่างนั้นไหม แต่ก็ไม่ได้เอาความกดดันมาทำให้เรารู้สึกท้อแท้ เอามาทำให้เรารู้สึกว่าตรงไหนที่เราต้องพัฒนาบ้างต้องดูย้อนหลังหรือว่าพยายามทำงานเกี่ยวกับงานข่าวให้มันมากขึ้น ทำการบ้าน ดูข่าว อ่านให้มันมากขึ้นและก็ค่อยๆ ปรับตัวจับจังหวะกันไปแล้วมันก็ค่อยๆ ลงตัวขึ้นค่ะ”

เมื่อมองย้อนกลับไปวันแรกที่คุณเริ่มต้นทำงาน มาจนถึงวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง

“ไบร์ทใช้คำว่ามันลงตัวมากขึ้นดีกว่า เหมือนกับว่าคนที่ทำงานมาด้วยกันนานๆ นั่งด้วยกันก็จะรู้จังหวะกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น เดาทางกันได้ถูก แต่ในทุกๆ วันก็ยังมีอะไรให้เรียนรู้ตลอดนะคะ ทุกวันนี้พี่ยุทธบางทีมีอะไรก็ยังแนะนำน้องเสมอ และงานข่าวมันไม่มีวันหยุดนะคะ เพราะฉะนั้นมันเรียนรู้ทุกวัน จนกว่าไบร์ทจะเลิกอาชีพนี้ไป ถึงจะบอกว่าเราไม่มีอะไรเรียนรู้จากตรงนี้แล้วไม่ว่าจะเป็นตัวข่าวเองที่มันให้อะไรมากมาย สังคม เศรษฐกิจ การเมือง นั่งที่เดิมเวลาเดิม แต่สิ่งที่เข้ามามันเปลี่ยนไปทุกวันมันมีอะไรให้เรียนรู้ตลอดอันนี้คือตัวข่าว ส่วนตัวงานก็คือมีอะไรให้เราต้องปรับให้เราต้องท้าทายไปกับมันเรื่อยๆ นั่งกับพี่ยุทธวันนี้จับทางกันได้ไหมวันนี้พูดชนกันหรือเปล่าค่ะ”

ฟังดูแล้วงานข่าวเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ มันเป็นแบบนั้นไหม

“แน่นอนค่ะ ข่าวเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ ไบร์ทว่าก็คือสิ่งที่ทุกคนก็น่าจะศึกษา เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราไม่โดยตรงก็โดยอ้อม ส่วนข่าวสังคมไบร์ทจะชอบตรงที่มันมีอะไรที่มันมีเรื่องราวสอนใจเรามากมาย มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างเช่น สามีกำลังขับรถจะไปรับภรรยาปรากฏเสาไฟฟ้าล้มลงมาฟาด มันก็ทำให้เรารู้ว่าชีวิตคนอะไรก็เกิดขึ้นกับเราได้ สิ่งพวกนี้เราเก็บรายละเอียดขึ้นมาได้มาสอนใจเรา เรื่องที่เกิดขึ้นกับคนอื่นแต่มันสามารถเอามาประยุกต์กับความคิดของเราได้ค่ะ”

อะไรคือเสน่ห์ของงานข่าวที่คุณหลงใหล

“ข่าวมันไม่มีวันหยุด มันไม่เหมือนอาชีพอื่นที่เวลาเราลาพักร้อนแล้วเราก็สต๊อปไว้ กองเอกสารไว้และเราก็หายไป กลับมาแล้วทำต่อ เสน่ห์ของมันคือมันมีอะไรเกิดขึ้นทุกวัน แม้กระทั่งที่เรานั่งพูดกันอยู่มันมีอะไรเกิดขึ้นทุกนาที ทุกชั่วโมง ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ที่ประเทศโน้นบ้าง ประเทศนี้บ้าง ความเคลื่อนไหวต่างๆ ทางเศรษฐกิจหุ้น ซื้อขาย ในขณะที่เรากำลังพูดกันอยู่ เสน่ห์มันอยู่ตรงนี้ค่ะ ฉะนั้นถ้าคนรักการติดตามข่าวมันจะสนุก มันเหมือนการอ่านนิยายเล่มหนึ่งที่เราชอบนั่นแหละค่ะ”

เล่าให้เราฟังหน่อยว่าตารางการทำงานของคุณเป็นอย่างไรบ้าง

“เริ่มจากการตื่น อย่าเรียกว่าตื่นเช้าเราเรียกว่าตื่นดึก เพราะว่าต้องตื่นมาประมาณตีสองและก็ไปถึงช่องประมาณตีสามกว่าๆ คือที่ไปเช้าเพราะไปอ่านข่าวซึ่งมันต้องอ่านเยอะมากถ้าเปรียบเทียบมันก็คือการสอบ การสอบที่เราไม่รู้ว่าข้างหน้ามันคืออะไร เพราะว่าพี่ยุทธเขาจะเป็นคนคอนโทรลรายการ ส่วนเราทำหน้าที่ในการสนับสนุนข้อมูล เพราะฉะนั้นพอพี่ยุทธพูดอะไรขึ้นมาเราก็ต้องซัพพอร์ตได้ มันจึงต้องอ่านเยอะมาก อ่านเพื่อให้เรารู้ว่ามันมีอะไรในหัว สามารถพูดได้ก่อนที่เราจะหยิบข่าวขึ้นมา นี่คือสิ่งที่ไบร์ททำทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้าอ่าน 7 วันก็เหมือนไบร์ทสอบทั้ง 7 วันติดค่ะ”

เมื่อเกิดปัญหาเฉพาะหน้าขึ้นระหว่างทำงาน คุณมีวิธีแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร

“ถ้าเกิดเป็นมุมทั่วๆ ไปอ่านผิดก็แก้สถานการณ์ไป แต่มันก็มีเรื่องการขำ เราก็เลือกที่จะหันหน้าไปอีกทางหนึ่งและก็ไม่ต้องสบตาใดๆ ทั้งสิ้น พี่ยุทธจริงๆ เป็นคนเส้นตื้น เป็นคนหัวเราะเสียงดังแล้วด้วยลีลาการอ่านของพี่ยุทธบางทีมันทำให้ไบร์ทขำ มันไม่ได้ขำตัวข่าวแต่มันขำสิ่งที่เขาพูด ถ้อยคำที่เขาเลือกเอามาใช้มันเห็นภาพ พอขำก็ไม่ไหวไบร์ทก็ต้องก้มหน้าอย่างเดียว พอเบรกโฆษณาปุ๊บนั่นแหละฮากันเลย อันนี้เบื้องหลังคนจะไม่รู้ ก็ต้องใช้ทักษะพลังในการกลั้นไว้ ซึ่งเรื่องขำนี้มันกลั้นยากนะ ถ้าไม่อยู่ ไบร์ทก็ต้องหยิกขาไว้เลยค่ะ หรือว่าข่าวเศร้าบางทีจะร้องไห้ เราดูจอทีวีไปพร้อมคุณผู้ชม ดูไปรู้สึกอินก็ต้องพยายามหันไปทางอื่นเพราะไม่งั้นเดี๋ยวน้ำตาหยดออกหน้าจอมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ”

แนวคิดในการทำงานข่าวของคุณคืออะไร

“ไบร์ททำงานของตัวเองทุกวันให้มันดีค่ะ ทำรายการเสร็จก็คิดว่าวันนี้เราเป็นอย่างไรบ้าง ก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อๆ ไป ในทุกๆ วันให้มันออกมาดี ไม่เคยคิดว่าการมีอาชีพตรงนี้ทำให้เรามีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แต่ไบร์ทเลือกทำงานข่าวด้วยการใส่ใจกับงาน ไบร์ทไม่เคยมองว่าไบร์ทเป็นฐานันดรที่สี่ อย่างอะไรต่างๆ ที่ไบร์ทได้มามันได้มาจากการที่ไบร์ทนั่งตรงนี้มากกว่า หรือว่าโอกาสในด้านอื่นๆ มันมาจากสิ่งที่ไบร์ททำทั้งหมด แล้วเหตุผลอะไรที่ไบร์ทจะไม่รักในสิ่งที่ไบร์ททำอยู่ เพราะฉะนั้นไบร์ทก็ยิ่งทำทุกวันให้ดี ไม่ใช่ว่าพอเราทำแล้วมีกิจกรรมข้างนอกเยอะๆ แล้วงานหลักของเราจะดร็อปลงไป ไบร์ทจะพยายามนึกไว้เสมอว่าเราได้ทุกอย่างเพราะจากการที่เรานั่งอยู่ตรงนี้ คนเขามองเห็นเราทำตรงนี้ทุกวัน นั่งตรงนี้ทุกวันค่ะ”

ฝากข้อคิดสำหรับคนมีฝันและอยากเดินบนเส้นทางข่าวแบบคุณ

“ลองถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่าเราชอบงานข่าวแน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องของการที่จะมานั่งหน้าจอ แต่งตัวสวยๆ และก็มาพูดอะไรก็ได้ มันคือการที่เราจะยอมให้ข่าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราด้วย เราต้องชอบมัน เราต้องรักมันจริงๆ เพราะว่าข่าวมันเกิดขึ้นตลอดเวลา และถ้าน้องๆ คิดแค่ว่าอยากมานั่งหน้าจออยากจะออกทีวี ไบร์ทว่านี่อาจจะเป็นมุมมองที่คลาดเคลื่อนไปนิดนึง แต่น้องๆ ควรจะมองว่ามันเป็นอาชีพที่ต้องทุ่มเท มันเป็นสิ่งที่ต้องเข้ามาในชีวิตของเราตลอด ข่าวไม่มีวันหยุด วันหยุดนักขัตฤกษ์ ทุกคนหยุดได้ งานอื่นๆ หยุดกันได้แต่งานข่าวไม่มีวันหยุด น้องๆ โอเคกับมันหรือเปล่า

มันไม่ใช่การมานั่งอ่านอะไรให้ฟังมันต้องมีความเข้าใจในเนื้อข่าวก่อนที่จะถ่ายทอดออกไป เรารับสารมานะคะเราจะเป็นผู้ส่งสารนั้นออกไป ถ่ายทอดออกไปอย่างไรให้คนเข้าใจได้ง่ายที่สุด น้องๆ ที่อยากมาทำตรงจุดนี้มองตรงนี้เยอะๆ ว่าถ้าใช่เราชอบข่าว เราชอบดูข่าว พื้นฐานมันต้องมาแบบนั้น แล้วคิดว่าเราทำได้ก็เดินตามความฝันตัวเองเลย ไม่จำเป็นว่าเราต้องหน้าตาสวย รูปร่างดีหรือว่าอะไร อันนั้นมันบวกเพิ่มขึ้นมา ในความคิดไบร์ท ข่าวมันจะน่าดูจากสิ่งที่เวลาคุณพูดออกไปแล้วพูดด้วยความเข้าใจ พูดแล้วคนเข้าใจง่าย พูดแล้วคนติดที่จะตามฟังเวลาที่เราพูดตรงจุดนี้สำคัญมากกว่าค่ะ”

การเริ่มต้นทำทุกสิ่งจากความรัก ความชอบ ไม่เคยสร้างความเหน็ดเหนื่อย หรือท้อถอยให้กับผู้ลงมือทำ สำหรับพิธีกรข่าวสาวร่างเล็กอย่างเธอก็เช่นกัน ใช้ความรักในอาชีพเป็นจุดผลักดันจนทำให้เธอมีทุกสิ่งทุกอย่างเช่นทุกวันนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook