องุ่นไชน์มัสแคท ถูก-แพง ต่างกันอย่างไร? ของขึ้นห้างกับที่ขายในตลาด ราคาต่างกันหลายเท่า
Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
//s.isanook.com/wo/0/ud/53/265201/new-thumbnail1200x720_v2-20.jpgองุ่นไชน์มัสแคท ถูก-แพง ต่างกันอย่างไร? ของขึ้นห้างกับที่ขายในตลาด ราคาต่างกันหลายเท่า

องุ่นไชน์มัสแคท ถูก-แพง ต่างกันอย่างไร? ของขึ้นห้างกับที่ขายในตลาด ราคาต่างกันหลายเท่า

แชร์เรื่องนี้

องุ่นไชน์มัสแคท ถูก-แพง ต่างกันอย่างไร? ไขข้อสงสัย ทำไมราคาต่างกันหลายเท่า

องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat) กลายเป็นผลไม้ยอดนิยมในไทย ด้วยรสชาติที่หวาน หอม กลิ่นมัสแคทอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อกรอบ และส่วนใหญ่ไร้เมล็ด แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมองุ่นชนิดนี้จึงมีราคาแตกต่างกันมาก ตั้งแต่หลักร้อยบาทในตลาดนัด ไปจนถึงหลักพันบาทในห้างสรรพสินค้า ทั้งที่หน้าตาภายนอกดูคล้ายคลึงกัน

คำตอบหลักของเรื่องนี้อยู่ที่ "แหล่งกำเนิด" และ "มาตรฐานการเพาะปลูก" ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและรสชาติขององุ่น

ที่มาขององุ่นไชน์มัสแคท: ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ จีน?

องุ่นไชน์มัสแคท แท้จริงแล้วเป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยมีจุดเด่นคือกลิ่นหอม รสหวาน และผิวที่สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าญี่ปุ่นอาจไม่ได้จดทะเบียนสายพันธุ์นี้นอกประเทศภายในกรอบเวลาที่กำหนด ทำให้ประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ และ จีน นำสายพันธุ์นี้ไปเพาะปลูกและส่งออกได้

ปัจจุบัน องุ่นไชน์มัสแคทที่เราพบในท้องตลาดจึงมีที่มาจากหลายแหล่ง โดยหลักๆ คือ ญี่ปุ่น (ต้นตำรับ), เกาหลีใต้ (ซึ่งมีมาตรฐานการปลูกสูง) และ จีน (ซึ่งมีการผลิตจำนวนมหาศาล)

ไขความลับ "ราคา" ทำไมต่างกัน?

แม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่ราคาที่ต่างกันหลายเท่าสะท้อนถึงคุณภาพที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้:

  • คุณภาพและรสชาติ (เกรดพรีเมียม): องุ่นจากญี่ปุ่นและเกาหลี มักถูกควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ทำให้ได้ผลผลิตที่มีรสชาติหวานจัด กลิ่นหอมมัสแคทชัดเจน เนื้อกรอบแน่น และมีขนาดผลที่สม่ำเสมอ
  • คุณภาพและรสชาติ (เกรดตลาด): องุ่นจากจีนมีการผลิตในปริมาณที่สูงมาก ทำให้มีคุณภาพที่หลากหลาย บางครั้งเกษตรกรรีบตัดผลผลิตก่อนที่จะสุกเต็มที่ ส่งผลให้องุ่นมีรสชาติที่ด้อยกว่า อาจติดเปรี้ยว หรือไม่มีกลิ่นหอมมัสแคทที่เป็นเอกลักษณ์ แม้หน้าตาภายนอกจะดูคล้ายกันก็ตาม
  • กระบวนการปลูก: การปลูกในญี่ปุ่นต้องใช้ความใส่ใจและมาตรฐานที่สูงมาก ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า ขณะที่การผลิตปริมาณมากในจีนทำให้สามารถขายตัดราคาได้ ถูกกว่าของญี่ปุ่น 2-3 เท่า

ไทยปลูกเองได้หรือไม่?

คำตอบคือ "ปลูกได้" และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยมีการทดลองและส่งเสริมการปลูกองุ่นไชน์มัสแคทในหลายพื้นที่ เช่น ภาคเหนือ (จ.แพร่) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.สกลนคร, อุบลราชธานี) รวมถึง จ.ราชบุรี

เกษตรกรไทยสามารถปลูกได้ทั้งในรูปแบบ "มีเมล็ด" หรือทำ "ไร้เมล็ด" ตามแบบญี่ปุ่น และมีรายงานว่าองุ่นไชน์มัสแคทที่ปลูกในไทยก็มีรสชาติที่ดี ไม่แพ้สายพันธุ์จากต่างประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภค

 

วิธีเลือกซื้อองุ่นไชน์มัสแคท

หากต้องการได้องุ่นไชน์มัสแคทคุณภาพดี ควรสังเกตดังนี้:

  • สีและผิว: เลือกพวงที่มีสีเขียวสดใส สม่ำเสมอ ผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยว และไม่มีรอยช้ำหรือตำหนิ
  • กลิ่น: องุ่นเกรดพรีเมียมมักจะมีกลิ่นหอมมัสแคทที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน
  • สติกเกอร์หรือบรรจุภัณฑ์: องุ่นนำเข้าจากเกาหลีมักมีสติกเกอร์ "K-grape" หรือ QR Code เพื่อยืนยันแหล่งที่มา ส่วนของญี่ปุ่นมักจะมาในบรรจุภัณฑ์ที่ระบุแหล่งผลิตชัดเจน

สรุป

ราคาของ องุ่นไชน์มัสแคท ที่แตกต่างกันอย่างมากในท้องตลาด สะท้อนถึงคุณภาพ รสชาติ และมาตรฐานการเพาะปลูกเป็นหลัก โดยองุ่นราคาสูงมักมาจากญี่ปุ่นหรือเกาหลี ซึ่งรับประกันความหอมหวานและเนื้อสัมผัสที่ดีกว่า ส่วนองุ่นราคาถูกมักมาจากจีนซึ่งมีผลผลิตล้นตลาดและคุณภาพไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีองุ่นไชน์มัสแคทที่ปลูกในประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีคุณภาพดีให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง