เมื่อไปตลาดซื้อมะม่วง อย่าลืมนำเคล็ดลับ 5 ข้อนี้ไปใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้ผลไม้ที่อร่อยและหวานทุกคำ
มะม่วงเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานมะม่วงไม่เพียงแต่ดีต่อระบบย่อยอาหาร สายตา และผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังให้รสชาติอร่อย ง่ายต่อการนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น สมูทตี้ สลัด ซุปหวาน และแยม อย่างไรก็ตาม หลายคนมักพบปัญหามะม่วงสุกแต่เนื้อในยังแข็ง เปรี้ยว หรือแข็งอยู่ การเลือกมะม่วงสุกที่หวาน นุ่ม และมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ สามารถทำตาม 5 เคล็ดลับง่ายๆ ด้านล่างนี้ได้
มะม่วงสุกตามธรรมชาติมักมีสีเหลืองทอง เหลืองอมส้ม หรือเหลืองปนเขียวเล็กน้อยในบางสายพันธุ์ เปลือกเรียบ มันวาว ไม่มีจุดดำเยอะ คือสัญญาณของลูกสดหวาน หากเปลือกเขียวจัด แสดงว่าอาจยังดิบ หรือเปลือกเหี่ยว พับง่ายอาจเป็นผลเก่า
กลิ่นหอมจากโคนผลเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นมะม่วงสุกตามธรรมชาติ ถ้าไม่มีความหอมหรือมีกลิ่นฉุน แปลว่าอาจใช้สารเคมีเร่งสุกหรือยังไม่สุกเต็มที่ กลิ่นหอมแบบหวานอ่อน ๆ คือผลที่น่าซื้อ
เมื่อกดเบาๆ ที่ตัวผล มะม่วงหวานมักยุบเล็กน้อยแต่ยังคงความแน่นอยู่ หากแข็งเกินไปคือยังดิบ ถ้าอ่อนเกินไปหรือจนนุ่มแหลก อาจเป็นผลเก่าและรสชาติจะเสียได้
ก้านที่ยังเขียวและมียางเหนียวแสดงว่าผลเพิ่งเก็บมาไม่นาน เนื้อจะสดแน่น ในทางกลับกัน ถ้าก้านแห้ง หักง่าย หรือหลุดง่าย แสดงว่าผลอยู่ในสภาพเก่า โอกาสรสชาติจะจืดลงสูง
มะม่วงที่ดีมักมีลักษณะอวบอิ่ม ขนาดกลาง ไม่ผอม ไม่เบาเกินไป เพราะอาจเนื้อบางและสูญเสียน้ำ ถ้าลูกใหญ่แต่เบามาก อาจไม่หวาน ให้เลือกผลที่ “หนักมือ” จะได้ความหวานสมราคาคุ้มค่า
ถ้าอยากได้มะม่วงหวาน เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม ลองเลือกโดยดูสี เปลือก กลิ่น ก้าน และน้ำหนักร่วมกัน อย่าเน้นเพียงข้างใดข้างหนึ่ง การใช้เคล็ดลับทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยให้คุณเลือกผลไม้ที่อร่อยทุกคำ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :soha
