Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060//s.isanook.com/wo/0/ud/51/259673/soup(3).jpg.jpg?ip/crop/w670h402/q80/jpg)
ชะอมคืออะไร? ผักกลิ่นแรงที่หลายคนรัก แต่บางคนกินแล้วกลับเวียนหัว
2025-07-04T09:09:00+07:00
ชะอมเป็นผักพื้นบ้านรสอร่อยที่มากคุณค่า แต่กลับทำให้บางคนรู้สึกเวียนหัวหรือมีผลข้างเคียง มาดูว่าเกิดจากอะไร พร้อมคำแนะนำในการกิน
ชะอมคืออะไร
ชะอม (Senegalia pennata) คือพืชในวงศ์ถั่ว เป็นไม้พุ่มมีหนาม ใบมีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว นิยมนำใบอ่อนมารับประทาน เช่น ใส่ในไข่เจียว หรือจิ้มกับน้ำพริก พบได้ทั่วไปตามสวนหรือป่าชุมชนในหลายภูมิภาคของไทย
ประโยชน์ของชะอม
- มีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา
- มีใยอาหาร กระตุ้นการขับถ่าย
- มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูก
- มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ
- ในแพทย์แผนไทยใช้บำรุงระบบย่อยอาหาร
ทำไมบางคนกินชะอมแล้วเวียนหัว
ถึงแม้ชะอมจะมีคุณค่า แต่บางคนอาจเวียนหัวหลังบริโภค โดยมีสาเหตุและข้อควรระวังดังนี้
- กลิ่นเฉพาะตัว
กลิ่นเฉพาะตัวของชะอม ซึ่งในบางคนที่ไวต่อกลิ่นหรือเป็นไมเกรน อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวหรือคลื่นไส้ได้
- ระบบย่อยอาหารอ่อนแอ
การรับประทานชะอมในขณะท้องว่างหรือเมื่อระบบย่อยทำงานไม่ดี อาจทำให้รู้สึกวิงเวียนได้ง่ายขึ้น
- ฤดูเก็บเกี่ยว
ตามความเชื่อในแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาชาวบ้าน พบว่าควรกินชะอมในฤดูร้อน (มีนาคม–พฤษภาคม) เพราะเป็นช่วงที่พืชสะสมพลังงานดี ใบอ่อนมีสารอาหารสมดุล กลิ่นไม่แรงเกินไป ไม่ควรกินชะอมในหน้าฝน (มิถุนายน–ตุลาคม) เพราะความชื้นสูงทำให้พืชผลิตสารขับไล่แมลงตามธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะสารกลุ่มกำมะถันและสารฝาด (tannin) ซึ่งอาจกระตุ้นการเวียนหัวหรือแน่นท้องได้ในบางคน นอกจากนี้ฤดูฝนยังเสี่ยงมีพยาธิหรือเชื้อราปนเปื้อนในใบอ่อนมากกว่าฤดูร้อน
- อาการแพ้เฉพาะบุคคล
แม้ไม่ใช่อาการแพ้แบบรุนแรง แต่ร่างกายบางคนอาจตอบสนองไวต่อสารในผัก ทำให้มีอาการเวียนหัวหรือไม่สบายตัวหลังรับประทาน
ใครบ้างไม่ควรกินชะอม
ถึงแม้ชะอมจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานด้วยความระมัดระวัง ได้แก่:
- ผู้ที่เป็นไมเกรนหรือไวต่อกลิ่นฉุน: เพราะกลิ่นเฉพาะตัวของชะอม อาจกระตุ้นอาการเวียนหัวหรือไมเกรนได้
- ผู้ที่มีระบบย่อยอาหารไม่แข็งแรง: โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อน อาจเกิดอาการท้องอืดหรือไม่สบายท้อง
- หญิงตั้งครรภ์: ควรหลีกเลี่ยงผักที่มีกลิ่นแรงหรือมีกากใยสูงหากมีอาการแพ้ท้อง
- เด็กเล็ก: เสี่ยงท้องเสียหรือแน่นท้องจากใยอาหารสูง
- ผู้ที่แพ้พืชตระกูลถั่ว: เช่นถั่วลิสงหรือถั่วฝักยาว เพราะชะอมอยู่ในวงศ์เดียวกัน
- ผู้ป่วยโรคไต: เนื่องจากชะอมมีโพแทสเซียมสูง หากกินมากอาจส่งผลต่อการทำงานของไต
- ผู้ป่วยโรคเกาต์: ชะอมมีปริมาณพิวรีนในระดับปานกลางถึงสูง ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนพิวรีนเป็นกรดยูริก อาจกระตุ้นอาการเกาต์กำเริบได้ ควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานในปริมาณน้อย และควรปรึกษาแพทย์ก่อน
Heading2: วิธีลดกลิ่นฉุนและผลข้างเคียงของชะอม
- ลวกหรือต้มก่อนรับประทาน เพื่อสลายสารกำมะถัน
- หลีกเลี่ยงการกินตอนท้องว่าง
- ควรเลือกชะอมที่ปลูกในฤดูร้อน หรือเก็บจากแหล่งที่ปลอดภัย
- หากเคยมีอาการเวียนหัวหลังรับประทาน ควรเริ่มจากปริมาณน้อย และสังเกตอาการ
ชะอมเป็นผักพื้นบ้านมากคุณค่า แต่ควรระมัดระวังหากคุณเป็นคนไวต่อกลิ่นหรือระบบย่อยไม่แข็งแรง แนะนำให้บริโภคในฤดูร้อน และหลีกเลี่ยงช่วงหน้าฝนเพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการเวียนหัว หากรู้จักวิธีกินอย่างเหมาะสมก็จะได้ประโยชน์จากชะอมอย่างปลอดภัย
อ่านเพิ่มเติม
แชร์เรื่องนี้