"เพชรลดา พูลวรลักษณ์" CEO วัย 50 + กับ IF ไลฟ์สไตล์ ที่ทำให้ผลตรวจสุขภาพดีทุกปี

"เพชรลดา พูลวรลักษณ์" CEO วัย 50 + กับ IF ไลฟ์สไตล์ ที่ทำให้ผลตรวจสุขภาพดีทุกปี

"เพชรลดา พูลวรลักษณ์" CEO วัย 50 + กับ IF ไลฟ์สไตล์ ที่ทำให้ผลตรวจสุขภาพดีทุกปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บุคลิกภาพคล่องแคล่ว ผิวพรรณผ่องใส และใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอของ "คุณโอ๋-เพชรลดา พูลวรลักษณ์" CEO เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) สะท้อนถึงความแข็งแรงของร่างกาย ที่น่าจะไปในทิศทางเดียวกับสุขภาพจิตดีเยี่ยม

ส่วนหนึ่งเพราะเธอใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำ IF หรือ Intermitten Fasting การอดอาหารเป็นช่วงๆ จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ของเธอไปแล้ว Sanook Lifestyle ชวนคุณโอ๋พูดคุยเรื่องกิน อยู่ คือในสไตล์ผู้บริหารหญิงที่ต้องประชุมเกือบทั้งวัน เธอมีเทคนิคจัดสรรเวลาดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไรถึงแอคทีฟพร้อมทำงานและใช้ชีวิตเสมอ

ทานอาหารวันละ 1 มื้อ

เดิมทีคุณโอ๋ใส่ใจเรื่องสุขภาพของตนเองอยู่แล้ว โดยเน้นการออกกำลังกาย ชกมวย เข้ายิม ควบคุมอาหาร แต่จากการระบาดของโควิดหลายปีก่อนทำให้คุณโอ๋ทำ IF หรือการงดอาหารเป็นช่วงเวลา เพื่อดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง

"ตอนโควิดระบาดเราคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย มีการหาข้อมูล ศึกษาเกี่ยวกับการทำ IF เมื่อพบว่ามันดีก็เริ่มทำ ตอนแรกทำแบบสุดขั้วเลยคือแบบ 24/0  คืออดอาหาร 1 วัน หรือแบบ 48 คืออดอาหาร 2 วัน ตอนนั้นผอมมากแต่สุขภาพดี แต่เราไม่อยากผอมมาก เลยปรับมาเรื่อยๆ ให้เหมาะกับตัวเอง จนตอนนี้เราคิดว่าเรารู้เรื่อง IF มากพอสมควร ประกอบกับการทำงาน เวลาประชุมหรืออะไรก็จะจัดเวลาทำ IF ในแต่ละวันไม่เหมือนกัน บางวันก็ 20,21,22,24,26 หรืออย่างไปเที่ยวเราก็ไม่ทำ กินอะไรก็กิน

อย่างไรก็ตามการทำ IF อยากแนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อน อย่าฟังจากคนอื่่นแล้วเชื่อ เมื่อหาข้อมูลแล้วเข้าใจก็เริ่มทำ เวลาทำ IF เรามักจะบอกกับทีมงานที่ทำงานว่าอย่าโฟกัสเรื่องความสวยงาม ให้โฟกัสเรื่องสุขภาพ เพราะถ้าโฟกัสเรื่องสุขภาพก่อนแล้วความสวยงามจะตามมา"

ทุเรียน ชานมไข่มุก สเต็ก ไอศกรีม กินได้

นอกจากการอดอาหารเป็นช่วงเวลาแล้ว เรื่องการเลือกประเภทอาหารที่รับประทานก็มีความเชื่อมโยงกันกับการดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพใจของเธอ  มาดูกันว่าแต่ละวันคุณโอ๋ทานอะไรบ้าง

"ส่วนตัวการทำ IF เป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเองไปแล้ว กินข้าววันละ 1 มื้อเท่านั้น วันจันทร์-ศุกร์เข้าออฟฟิศมีเวลาทานอาหารน้อย อาหารที่ทานเป็นหลักคือปลาย่าง ผักลวก ซุปกระดูกต้ม หรือซุปไก่ ฯลฯ ถั่ว ผลไม้ กล้วยปิ้ง มันหวาน ฟักทอง และน้ำผัก ทั้งหมดเหล่านี้คือทานในเวลาที่ตัวเองจัดสรรแล้ว เนื้อปลาเปลี่ยนชนิดไปเรื่อยๆ หรือบางวันอาจทานสเต็กถ้าในสัปดาห์นั้นยังไม่ได้ทานเนื้อวัวเลย เพราะเนื้อวัวให้บางอย่างสูงสุด ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ก็ทานสเต็ก ชานมไข่มุก ทุเรียน ไอศกรีม เราต้องบาลานซ์ ไม่ใช่ดูแลสุขภาพ แต่ทานอะไรที่อยากทานไม่ได้ แบบนั้นเราอาจไม่มีความสุข"

ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ความงามคือโบนัส

คุณโอ๋โปรดปรานการออกกำลังกายมาแต่ไหนแต่ไร แม้ช่วงหนึ่งจะหยุดพักไปเพราะงานถาโถม แต่เมื่อพบว่าครั้งหนึ่งเดินตรวจไซต์งานก่อสร้างแล้วรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ จึงกลับมามุ่งมั่นออกกำลังกายอีกครั้ง

"ตอนนี้เราออกกำลังกายสัปดาห์ละ 5-6 วัน ตีเทนนิสสัปดาห์ละ 3 วัน 2 วันๆ ละ 1 ชม.  อีก 1 วันๆ ละ ชั่วโมงครึ่ง ที่เลือกเล่นเทนนิสเพราะชอบ และมันสนุก เราใช้เทนนิสแทนการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นกีฬาที่ทำให้เรามีเหงื่อ หัวใจเต้น

นอกจากนั้นก็เข้ายิมเพื่อออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อซึ่งเราชอบ และมันเหมาะกับคนวัยเรา เพราะถ้าเรามีกล้ามเนื้อเยอะก็จะไปไล่ไขมัน ถ้าคนมีกล้ามเนื้อน้อยโอกาสอ้วนก็ง่าย เวลาเข้ายิมก็เล่นสลับๆ กันไปให้ทั่วตัว เล่นกล้ามเนื้อไบเซ็ปส์บ้าง ไตรเซ็ปส์บ้าง ฯลฯ

การเข้ายิมทำให้เรามีสมาธิด้วย ได้โฟกัสกับสิ่งที่เราต้องการจะสร้าง แม้ตอนแรกจะไม่ชอบเพราะรู้สึกว่าน่าเบื่อ แต่พอรู้ว่ามันดีเราก็อินกับมัน เมื่อเราอินกับมันเราก็หาข้อมูลแล้วอ่านมันจนกลายเป็นแพชชั่นแบบไม่รู้ตัว"

หลายคนอาจมองว่าผู้บริหารไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย หรือน่าจะมีเวลาในการดูแลสุขภาพมากกว่าคนทั่วไป สำหรับคุณโอ๋เธอบอกว่าแม้เธอจะอยู่ในฐานะผู้บริหาร แต่ก็ต้องจัดสรรเวลาดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะเธอมีสิ่งที่เธอต้องการโฟกัสนั่นก็คือสุขภาพ และสุขภาพคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับเธอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook