เมื่อผมหยุดเดินทางแล้วมาสร้าง " Hostel "
นักท่องเที่ยวและนักเดินทางหลายคนเมื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ บ่อยครั้งขึ้น อาจมีความคิดฝันอยากสร้างที่พักเหมือนเช่นคุณสมาชิกหมายเลข 2383115 จากเว็บไซต์พันทิป ดอทคอม ที่มีโอกาสเดินทางไปท่องโลกกว้าง จนในที่สุดเกิดไอเดียการทำ Hostel เป็นของตัวเอง ถือเป็นความฝันที่น่าเลียนแบบอีกความฝันหนึ่ง ลองมาดูกันค่ะว่า เราจะเดินตามความฝันได้อย่างที่เขาทำได้ไหม
ผมเชื่อว่าการที่คนเราจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่างให้ดีนั้น เราจะต้องรู้จักมันให้ดีซะก่อน ปี 2015 นี้ ...... ผมจะทำ Hostel
เริ่มต้น + ท่องโลก ?
เป็นแฟนรายการพี่เรย์ แมคโดนัลมาตั้งแต่เด็ก แต่กว่าจะได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกก็ปาไปอายุ 22 ก่อนหน้านี้ไม่เคยออกจากเชียงใหม่ไปไหนไกลกว่าการนั่งรถทัวร์ไปฝึกงานที่ กทม. และล่องเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยอย่างละครั้ง ไฟล์ทบินแรกในชีวิตพาผมไปยังอีกฟากหนึ่งของโลก การเดินทางใช้เวลายี่สิบกว่าชั่วโมงบนเครื่อง โดยแวะครั้งเดียวที่ญี่ปุ่น ทำเอาความตื่นเต้นทั้งหลายทั้งมวลของผมต่อการนั่งเครื่องบินครั้งแรกกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายไปเลย ช่วงเวลาสั้นๆ ที่อเมริกาผมได้เปิดโลกใบเล็กๆ ของผมมาก หลังจากใช้ ชีวิต 4 เดือนช่วงปิดเทอมของไทยในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาสอนให้ผมมองโลกที่แบนๆ ก่อนหน้านี้ในทางกลับหัวเป็น หลังจากจบมหาวิทยาลัย จับพลัดจับผลูได้มีโอกาสไปทำงานที่ประเทศจีนอยู่สักพักสั้นๆ 2-3ปี รายได้ดีพอใช้ พอมีวันหยุดสองสามวันก็ backpack หาที่เที่ยวในเมืองจีน แรกๆ ก็ชวนเพื่อนไปด้วย หลังๆ บ่อยเข้าเพื่อนไม่ค่อยว่างเลยไปเองมันซะเลยพูดได้มั่งไม่ได้มั่งไปตายเอาดาบหน้า ส่วนวันหยุดยาวหน่อยก็อาจจะไปประเทศใกล้ๆ อย่างญี่ปุ่น, ไต้หวัน โดยช่วงที่ทำงานที่จีนจะมีช่วงหยุดยาวคือ ปีใหม่จีน 1-7 ตุลา และ ช่วงตรุษจีนราวๆ ต้นปี อีก 7 วัน เป็นคนอยู่ไม่สุขชอบวางแผนก็หาทางกลับบ้านแบบต่างๆ เช่นกลับเส้นทางไปตามเกาะเริ่มที่จีน-เกาะมาเก๊า-เกาะฮ่องกง-เกาะสิงคโปร์-เกาะภูเก็ต-เชียงใหม่ หรือนั่งรถไฟสายใต้จาก เสิ่นเจิ้น-หนานนิง-ฮานอยแล้วค่อยบินเข้ากทม.ซึ่งจริงๆ แพลนแรกกะจะนั่งไปถึง โฮจิมินห์แล้วต่อรถบัสผ่านกัมพูชาแล้วเข้าไทยทางอีสานแต่พายุดันเข้าช่วงกลางของเวียดนามเลยต้องเปลี่ยนแผน ช่วงปีสุดท้ายก่อนออกจากงานก็พอดีไปเจอโครงการ work and holiday ออสเตรเลีย โชคดีแย่งกดโควตาทัน พอออกงานเลยได้โอกาสไปอยู่ออสเตรเลียตามความฝันจะได้ไปใช้ชีวิตอยู่เมืองฝรั่งกับเค้ามั่ง
ลงหลัก + ปักฐาน ?
พอได้ไปอยู่ที่ออสสักพักชีวิตเริ่มจะราบเรียบเป็นปกติของเด็ก work and holiday ตารางชีวิตประจำวันเริ่มจะเข้าที่ วันดีคืนดีในช่วงระหว่างที่กำลังสนุกกับการทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารไทยและคนทำความสะอาดห้องพักในบ้านเช่าหลังหนึ่งในเมลเบิร์น ก็มีข้อความหนึ่งทักขึ้นมาในกล่องข้อความเฟสบุก เป็นรุ่นพี่ที่เคยไปฝึกงานด้วยที่ กทม. อยากให้กลับไปช่วยงานเนื่องจากจะขยับขยายบริษัท ประกอบกับเริ่มคิดถึงบ้านแล้วจึงตอบตกลงไปในเวลาอันรวดเร็ว 5555+ ใช้เวลาเคลียร์งานไม่นานก่อนกลับ แต่มานานตอนเดินทางขากลับมาไทยติดนิสัยเดิมต้องแวะเที่ยวตามรายทางทั้ง บาหลี, กัวลาลัมเปอร์, ปีนัง, เวียงจันทน์ แล้วค่อยเข้าไทย พอกลับมาถึงไทยลุยงานได้ 2-3 เดือนระหว่างนั่งทำงานไปก็เล่าให้พี่เค้าฟังว่าเราไปไหนมามั่ง backpack พัก hostel มันสนุกยังไงพี่เจ้าของออฟฟิศดันอินตามไปด้วย สรุป จบที่ว่าเราจะหาที่ทำ hostel กัน ช่วยกันหาอยู่ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก มาสรุปกันได้ที่ตึกร้างแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่
ทำไมต้อง hostel ?
ตอนเดินทางผมก็เป็นคนขี้อายตามแบบคนไทยทั่วๆ ไปที่ไม่มั่นใจความสามารถด้านภาษาของตัวเองหรือไม่ใช่คนตลกโปกฮาเข้ากับคนง่ายอะไรนัก แต่ผมชอบบรรยากาศของการได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลต่างๆ มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง เมาบ้าง เพี้ยนบ้าง ได้เห็นคนชวนกันไปเที่ยวเป็นกลุ่มโดยที่ไม่รู้จักกัน บรรยากาศของการพัก hostel จะเป็นตัวบังคับให้เราต้องคุยกับคนแปลกหน้าโดยที่เราไม่รู้ตัว เห็นแล้วมันสนุกชะมัดชีวิตวัยรุ่นแบบนั้น มันเหมือนจะเป็นที่พักที่มีแต่เหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวจากทั่วโลก ผมยังไม่เคยไปพัก hostel ที่ไหนแล้วเจอแต่เด็กๆหรือคนแก่ๆ เลย hostel ที่ผมไปพักมามีตั้งแต่คืนละ ร้อยบาทจนถึงพันกว่าบาทต่อหัวต่อคืน มีทั้งแบบห้องพัดลมเตียงไม้ไผ่ที่บาหลี ทั้งเตียง3ชั้นห้องละ12คนที่ฮ่องกง ทั้งหรูสุดๆ มีร้านกาแฟและบาร์อยู่ด้านล่างที่ญี่ปุ่น พอวันหนึ่งจะต้องได้มาทำโฮสเทลของตัวเองที่ร่วมหุ้นกับกลุ่มเพื่อนๆ พี่ๆ ก็อยากจะทำออกมาให้หน้าตาดูดีหน่อย โอเค...โม้มานาน เราไปดู hostel ในแบบของพวกผมกันครับ !!
1. หลังจากเสิร์ชหาตึกตามเว็บมาหลายวันจนมาเจอตึกนี้ ภาพแรกของตึกที่เราเห็นจาก google street view เป็นตึกเก่าๆ โทรมๆ ตึกหนึ่งแต่ทำเลค่อนข้างดีจึงโทรไปสอบถามได้ความว่าเจ้า ของย้ายออกไปอยู่รอบนอกเมืองนานแล้วเมื่อก่อนเป็นร้านขายส่งเหล้าและน้ำอัดลม
2. ภาพที่เจ้าของตึกลงในเว็บต์หาคนเช่าเป็นตึกยุคปี 70 ปิดร้างไว้หลายปีแล้วจะเห็นว่ามองจากภาพตึกเดิมก็สวยอยู่แล้วมีรายละเอียดเดิมอยู่แทบจะครบและที่สำคัญคือทำเลของตึกซึ่งตั้งอยู่บนถนนวัวลายที่จะมีการปิดถนนเพื่อเป็นถนนคนเดินทุกๆ วันเสาร์ และยังอยู่ห่างจากสนามบินเชียงใหม่ และคูเมืองเชียงใหม่อย่างละ 2 กิโลเมตรเท่านั้นเอง เรียกว่าถ้าจะเดินไปก็ยังไหว
3. สภาพพื้นที่บริเวณด้านใน นอกจากเหลือตัวตึกใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก ตัวตึกเองคิดเป็นพื้นที่แค่ 30-35% ของพื้นที่ทั้งหมดเองครับพอมาเห็นแล้วถึงกับปาดเหงื่อกันเลยทีเดียวเมื่อคิดถึงงบที่จะต้องลงทุนเพื่อ renovate
4. ภาพภายในตัวตึกค่อนข้างทึบ และมีการทำผนังกั้นห้องไว้บางส่วนแล้ว แต่เป็นผนังไม้และกระจก มีบันไดทางขึ้นชั้นสองอยู่ ซึ่งเราชอบราวบันไดนี้มากจนนำเอามาเป็นแบบในการทำโลโก้และงานจัดสวนในตอนหลังด้วย
5.บรรยากาศถนนคนเดินวัวลายเชียงใหม่ ทุกๆ วันเสาร์ และภาพจากชั้นดาดฟ้าของตึกครับ
6. ขั้นตอนต่อไป “รื้อ” ครับ เนื่องจากในกลุ่มหุ้นส่วนมีพี่คนหนึ่งเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ของตัวเองและเป็นคนออกแบบเองด้วย และพวกเราชอบสไตล์ร้านของแก จึงลงความเห็นให้แกเป็นคนออกแบบหลัก หลังจากสรุปแบบเบื้องต้นกันแล้วจึงเริ่มลงมือทุบรื้อส่วนที่ไม่ต้องการออกไป
7. “ก่อร่าง” ช่วงที่ยากที่สุดของงานเพราะพวกเราต้องมาคุมงานเองแทบทุกวันเนื่องจากเป็นงาน renovate อาคารเก่า จึงต้องสื่อสารกับช่างให้เข้าใจตรงกันมากที่สุดเพื่อลดข้อผิดพลาดในการก่อสร้างซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทั้งนั้น และเนื่องจากเราไม่ต้องการที่จะรื้อระบบในอาคารเก่า และเพิ่มภาระให้โครงสร้างเดิมจึงทำให้ต้องตัดสินใจสร้างอาคารห้องน้ำแยกออกมาจากตัวอาคารเดิมครับ
8. “ภาพเสร็จ” หลังจาก 6 เดือนอันยาวนานกับการช่วยกันทำโปรเจค hostel แรกของพวกเราทุกคนซึ่งได้ใช้พลังงานชีวิตกันไปเยอะมากกกกกกกก ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจนจบนะครับ
สามารถติดตามภาพเพิ่มเติมได้ที่แกลอรี่ด้านล่าง