สาวโสดเฮ จัด “ฮวงจุ้ยห้องนอน” อย่างไร ให้เนื้อคู่เคาะประตูถามหา
สำหรับสาวคนไหนที่กำลังมองหาความรักแต่ก็ยังไม่พบ ไหนจะออกกำลังกายก็แล้ว เสื้อผ้าหน้าผมก็พร้อม แต่คุณอาจลืมไปว่า จริงๆ แล้วสาเหตุที่แท้จริงมันอยู่ในห้องนอนของคุณนั่นเอง ทำไมถึงกล่าวแบบนั้นเพราะ Sanook! Home กำลังจะบอกว่า สาวๆ ที่มีความเชื่อเรื่อง “ฮวงจุ้ย” และยังโสด เหงาอยู่ ลองสำรวจฮวงจุ้ยที่ห้องนอนและปรับดูเผื่อคุณจะได้คู่ก่อนหนาวที่จะถึงนี้
1.พลังชี่ต้องไหลเวียนได้ดี ห้องนอนนั้นจะต้องมีพลังชี่ซึ่งเป็นพลังบวกด้านความรักไหลผ่านสะดวกจากประตูด้านหน้าห้องโดยไม่มีสิ่งใดกีดขวาง ห้องนอนควรสะอาดเรียบร้อย เพราะความรกรุงรังเป็นสิ่งที่ทำให้พลังแห่งความรักถูกทำลาย
2.จัดระเบียบหมอน ผ้าปูที่นอน หรือยาให้เป็นระเบียบตามตัวอักษรเพราะมันอาจจะทำให้ความรักที่เคยฝ่อไปแล้วกลับมาใหม่
3.ทำความสะอาดห้องของคุณให้เอี่ยมอ่อง เปิดม่าน หรือส่วนบังสายตาให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญเติบโต
4.นำความยุ่งเหยิงออกจากตู้เสื้อผ้า และลิ้นชัก บริจาคสิ่งของที่คุณไม่ได้ใช้หรือไม่ต้องการ ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยแนะนำว่าตู้เสื้อผ้าและลิ้นชักที่ว่างเปล่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการที่จะมีของๆ อีกคนหนึ่งเข้ามาอยู่ด้วย
5.ภาพที่อยู่รอบๆ ตัวคุณมีผลเป็นอย่างมากต่อพลังงาน เช่นภาพถ่ายตุ๊กตาหัวขาด คุณอาจจะต้องรีบเคลียร์ออกไปเพราะมันเป็นภาพที่มองแล้วไม่ได้มอบพลังหรือความรู้สึกที่ดีนัก ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าปัญหาของคุณไร้คู่คือมักจะมีภาพซึ่งมีตัวเลขเดียวอยู่เป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นภาพที่สวยงามอย่างเช่นภาพหญิงสาวแสนสวยเดินเล่นอยู่ในสวนคนเดียว มันก็เป็นภาพที่แสดงความโดดเดี่ยว รวมถึงภาพของคุณกับผู้ชายที่อาจจะเป็นอดีตของคุณไปแล้ว
6.ตกแต่งอะไรเป็นคู่ เช่นตุ๊กตาเจ้าหญิงกับเจ้าชาย โคมไฟ เทียน สำหรับสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนความรักได้เด่นชัดที่สุดคือรูปเป็ดน้ำเป็นคู่ โดยแนะนำให้วางมันไว้มุมขวาสุดของห้องนอน
7.ใช้สีชมพูหรือสีแดงเป็นสีตกแต่งภายในห้อง แต่ต้องระวังเรื่องการใช้สีแดงเพราะหากใช้มากเกินไปอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ นอกจากนั้นมุมขวาสุดของห้องคุณอาจประดับภาพที่โรแมนติก เพราะคุณจะได้เห็นมันทันที
8.ส่วนกระจกนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งดีเพราะมันเป็นเรื่องของความสามัคคี แต่ต้องระวังว่าไม่ควรติดไว้ที่เพดานหรือปลายเตียงนอน
ใครที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ก็ลองนำไปปรับใช้ดูนะคะ ได้ผลอย่างไรแล้วมาบอกกันด้วยนะคะ
เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก http://www.selfgrowth.com
ภาพจาก www.istockphoto.com