ขอเก็บเธอไว้ เป็นความทรงจำที่ดีๆ จากใจหมอนิ่มถึงพี่เอ๊กซ์

ขอเก็บเธอไว้ เป็นความทรงจำที่ดีๆ จากใจหมอนิ่มถึงพี่เอ๊กซ์

ขอเก็บเธอไว้ เป็นความทรงจำที่ดีๆ จากใจหมอนิ่มถึงพี่เอ๊กซ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในชีวิตของคนคนหนึ่ง มีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป เฉกเช่นชีวิตของ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ หมอนิ่ม อายุ 38 ปี ภรรยาของ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ที่ช่วงระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา เธอประสบกับมรสุมชีวิตครอบครัวอย่างหนัก


จนกระทั่งต้องเข้าแจ้งความสามีในข้อหาทำร้ายร่างกายและใช้ปืนข่มขู่และตัดสินใจขอไม่ใช้ชีวิตคู่ร่วมอีกต่อไป

มรสุมในวันนั้น นับว่า "หนัก" แล้วในชีวิตลูกผู้หญิง แต่แล้วเธอก็ต้องประสบกับความเสียใจอีกครั้ง เมื่อมาแท้งลูกคนที่ 3 ทั้งที่ระหว่างนั้น ฝ่ายสามีได้ตามง้องอนและตั้งชื่อลูกไว้แล้วว่า "น้องอภัยกัน"

หากการสูญเสียลูกก็นำมาซึ่งความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดีขึ้นเมื่อสามียอมลดทิฐิมานะต่างๆ ลง จนทั้งคู่กลับมาปรับความเข้าใจกันได้อีกครั้ง แม้หมอนิ่มจะยังคงขอแยกบ้านกันอยู่ก่อนก็ตาม อะไรๆ ดูเหมือนกำลังไปได้สวย อีกทั้งยังวางแผนกันว่าจะกลับไปอยู่บ้านเดียวกันหลังจากบ้านตกแต่งเสร็จ เพียงแค่ 1 อาทิตย์หลังวางแผน เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

เมื่อเธอได้ข่าวร้ายที่สุดในชีวิต มีโทรศัพท์มาบอกว่า "พี่เอ็กซ์ถูกยิง" เธอรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที และพบเขาในสภาพไร้สติ เธอบอกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของสามีออกจากรถ และพาขึ้นรถพยาบาลโดยที่เธอช่วยปั๊มหัวใจเขาไปตลอดทาง

หากก็ไม่สามารถยื้อลมหายใจของเขาไว้ได้จักรกฤษณ์เสียชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

"ยังรู้สึกเหมือนยังงงๆ อยู่ รู้สึกว่า เอ๊ะ เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่เลย แต่ตอนนี้เรียกไปไม่ตอบแล้ว" หมอนิ่มให้สัมภาษณ์ในระหว่างพิธีรดน้ำศพสามีที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร แม้จะไม่มีน้ำตาออกมาให้เห็น แต่มีร่องรอยตาบวมช้ำ แววตาเศร้าไม่จางหาย


"ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย มีแต่เพื่อนมาเตือนให้ระวังตัว ซึ่งพี่เอ็กซ์ก็ระวังตัวมาตลอดอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันนี้" หมอนิ่มยอมรับว่า เป็นคนโกรธง่ายแต่หายเร็ว ตอนโมโหเขาก็ไม่อยากเห็นหน้า อยากไปให้ไกลๆ

"แต่พอเขาจากไปจริงๆ มันคนละอารมณ์ รู้สึกแย่มาก ไม่อยากพูดอะไร เพราะที่ผ่านมาครอบครัวบอบช้ำมามาก อยากนึกถึงแต่เรื่องดีๆ ในความทรงจำของเรา เขาเป็นทั้งคนที่ให้ความรักกับเรามาก ให้ความเศร้ากับเรามาก และให้ลูกกับเรา" สิ่งต่างๆ ที่สามีเคยทำไม่ดีไว้ หมอนิ่มบอกว่า ไม่เคยคิดนำมาผูกใจเจ็บ ให้อภัยเขามานานแล้ว

"แต่ตอนที่มีเรื่องทะเลาะครั้งนั้น ที่ยังไม่กลับไปอยู่กับเขา เพราะอยากสอนให้เขารู้จักความใจเย็น นี่คือการสั่งสอนให้รู้ถูกผิด ให้รู้จักการเคารพผู้ใหญ่" เธอใจแข็งเด็ดเดี่ยว ส่วนเขาใจอ่อนสำนึกผิด

"ช่วงหลังเขาดีขึ้นจากที่ไม่เคยขอโทษ เขาก็ขอโทษ หรือถ้าปกติเขาอารมณ์ร้อนที่พอขึ้นแล้วจะคาอยู่ตรงนั้น ก็เปลี่ยนไป ถ้าอารมณ์ขึ้นเขาก็จะลง และแสดงพฤติกรรมว่าขอโทษ และมาหาเราที่บ้านทุกวัน ลูกสาวคนโตน้องชมชนกจะดี๊ด๊ามากเวลาได้เจอพ่อ ส่วนลูกคนเล็ก ก่อนหน้านี้ ลูกไม่สบายเข้าโรงพยาบาล สิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นคือ เขาจะมาอยู่กับลูก ทั้งที่ปกติไม่ค่อยอยู่"

วันนี้ แม้ต้องอยู่เพียงลำพังดูแลลูก ด.ญ.ชมชนก วัย 4 ขวบ และ ด.ช.ปรกรักษา วัย 1 ขวบเศษ เธอขอจดจำเขาแต่ในเรื่องที่ดีๆ

"เราเจอกันครั้งแรกในร้านทำเล็บ" เสียงสดใส ผิดกับก่อนหน้านี้ดูสั่นๆ แกมเศร้า เล่าถึงวินาทีแรกที่ได้เจอหนุ่มในฝัน

"แอบปลื้มเขามาตั้งแต่ตอนไปให้สัมภาษณ์รายการเจาะใจรู้สึกว่าเขาเท่มาก แต่พอได้เจอกันจริงๆ เขาดูเซอร์กว่าที่คิด ไม่เห็นดูดีเหมือนในทีวีเลย" ว่าแล้วก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็คบหาดูใจกันสักระยะหนึ่ง ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน


"ตอนนั้นยังไม่มีเงินด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ต่อสู้สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยกัน เราเป็นหมอด้านความสวยความงาม มีเงินเดือนประจำ ส่วนเขาเป็นนักกีฬาทีมชาติ"

หลังจากนั้น 3 ปี ก็ให้กำเนิดโซ่ทองคล้องใจ "ด.ญ.ชมชนก"

"กว่าจะได้ลูกคนนี้มา ทำกิ๊ฟเกือบ 20 ครั้ง เพราะพี่เอ็กซ์อยากมีลูกมาก เงินที่หามาได้ก็มาลงที่ลูก ส่วนเราก็ออกจากงานประจำมาเลี้ยงลูก และเปิดคลินิกชื่อว่าบ้านหมอนิ่ม ให้บริการด้านความสวยความงาม และหลังจากนั้น 2 ปี ก็มีคนเล็กน้องปรกรักษา

"ใช้ชีวิตร่วมกัน 6 ปี เขาเป็นคนมีอารมณ์หวานๆ พูดเพราะ เวลาเราโกรธ เขาจะมีวิธีทำให้เรายิ้มได้ในเวลาใกล้เคียงกัน เขามีเรื่องน่ารักๆ เยอะ อย่างถ้าซื้อของให้เรา เขาจะซื้อของที่ดีที่สุด สวยที่สุด เหมาะสมกับเราที่สุด หรือเวลาที่เขาเล่นกับลูก  ก็เล่นกับลูกได้น่ารัก เช่น หลอกให้กินข้าว กินขนม เขาเป็นพ่อที่น่ารักเสมอ"

การสูญเสียครั้งนี้ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งในชีวิตหมอนิธิวดี

"ครั้งแรกเสียพ่อเมื่ออายุ20 ปี ตอนนั้นร้องไห้ไปหนึ่งปี แต่ครั้งนี้ร้องไห้ไม่ได้ เพราะโตแล้ว ถ้าร้องก็ต้องร้องไว้ในใจ ต้องเข้มแข็งเพื่อลูก

"แม้วันนี้ลูกๆ จะยังไม่ประสีประสา หากเขาก็รับรู้ว่า ปาป๊าเห็นน้องอยู่คนเดียว ปาป๊าก็เลยตามไปดูแลน้องก่อน เขาก็เลยเข้าใจว่า ปาป๊าไปดูแลน้องอภัยกัน

"ก็อยากบอกกับพี่เอ็กซ์ว่า ไม่ต้องห่วงลูก จะดูแลลูก และตัวเองให้ดีที่สุด หลับให้สบายนะ"

แม้มรสุมจะพัดผ่านเข้ามา แต่เชื่อว่าเดี๋ยวจะผ่านพ้นไป และเมื่อมรสุมจางหาย รุ้งงามและท้องฟ้าก็สว่างสดใส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook